Subscribe

RSS Feed (xml)

Powered By

Skin Design:
Free Blogger Skins

Powered by Blogger

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Start Planning for the Future Today


One of the greatest financial worries of most American families has always been, will we have enough money to live comfortably during retirement? Families with children are also worried about whether they will be able to afford to send their kids to college

According to Trends in College Pricing -- a survey of over 3,200 U.S. post-secondary institutions conducted in 2002 -- when a child born in 2003 is ready for college, a four year degree at a public in-state institution will cost $83,169. Four year degrees at public out-of-state and private colleges will cost significantly more, $136,387 and $217,644 respectively. These figures account for a 5 percent college inflation rate.

After the shock from seeing those numbers for the first time wears off, parents start looking into their options, says John Walters, executive vice president for The Hartford's Investment Products Division. Some will choose to put away money in a savings account every month, others in CDs or mutual funds, but they're really doing themselves a disservice. All of those options are taxable investments and as a result, don't maximize earning potential?

If you're looking for a college savings plan where your money will grow tax deferred,(1) there are two options out there: the federal government authorized Coverdell Education Savings Account and the 529 College Savings Plans, sponsored by each of the 50 states and certain private institutions.

Coverdell accounts allow you to put away up to $2,000 per year per beneficiary for education related expenses, but they are very limiting. You can have more than one Coverdell set up, but have to keep track of how much you put into each account per year. If you exceed the $2,000 maximum for all accounts, you will face tax consequences; and you can only contribute until the beneficiary is 18.

People who invest in 529 plans have more flexibility. The plans can be opened for anyone considering going to college, including children, relatives and parents. You can even set up an account for yourself. These college savings plans usually require only modest amounts to open; and you can add any sum up to the maximum that each plan authorized. Furthermore, you can gift up to $55,000 to a beneficiary once every 5 years without incurring a federal gift tax. (2)

All 50 states have passed legislation authorizing 529 plans, and most have a college savings plan and/or prepaid plan in operation. The nice thing about 529s is you don't have to live in or go to school in the state that is sponsoring your plan, says Walters.

Hartford Life Insurance Company administers the SMART529 plans offered by the state of West Virginia. Thousands of people from all 50 states have enrolled in SMART529. The plan offers investors access to dozens of investment options, including individual fund options, static portfolios and age-based portfolios. It also offers net asset value transfers, meaning transfers from other 529 plans or Coverdell accounts can be made without an upfront sales charge.

For more information about SMART529 products, visit your financial advisor. If you want to get a better idea of how much college will cost when your child is ready to go, there's an online calculator on the Hartford Investor's Web site. Log onto www.hartfordinvestor.com. Under Education Center? on the left hand side of your screen, click on the link that says calculators, then scroll down to the link that says SMART 529 college savings calculator.

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ซื้อรถมือสองมาแล้ว…อย่าเพิ่งขับอ่านเรื่องนี้ก่อน (ตอนจบ)


คราวที่แล้วว่ากันแต่ช่วงบน มาตอนนี้มาดูส่วนสำคัญกันบ้าง เพราะเครื่องจะติดไม่ติดก็อยู่ส่วนนี้ละ ดังนั้นจึงต้องใช้ความรู้พื้นฐานด้านเครื่องยนต์กลไกนิดๆ ช่างสังเกตหน่อย และความละเอียดถี่ถ้วน เพียงเท่านี้ บางทีหากอาการไม่สาหัสจริงก็คงไม่ต้องส่งถึงมือช่าง ได้ประสบการณ์ความรู้ และประหยัดเงิน เผลอๆอาจจะเป็นกูรู ในระบบรถรุ่นนี้ไปเลยก็ได้ใครจะไปรู้
3.มาดูที่ห้องเครื่อง ตรวจอะไรที่มันยุ่งๆแล้วจัดระเบียบใหม่อีกที
อันดับแรกลองตรวจดูที่สายพานไดชาร์จ สายพานแอร์ สายหัวเทียน หัวเทียน ให้ช่างคนที่เปลี่ยนกรองเบนซิน คนเดิมนั่นแหละดูให้ (แนะนำว่าควรตีซี้ไว้เป็นช่างประจำรถเลย) เพราะหากเป็นช่างคนเดิมจะดีตรงที่เขาจะรู้ว่าทำอะไรที่ไหนไปบ้าง หากเกิดอาการรวนๆจะได้ไม่ต้องเดาสุ่ม สามารถวิเคราะห์แก้ไขอาการได้อย่างต่อเนื่อง และยังได้ความรู้เชิงช่างและมิตรภาพด้วย เผลอๆอาการเล็กๆน้อยๆ ช่างจะได้ไม่คิดเงินไงละครับ
คิดดูว่าเปลี่ยนกรองเบนซินอันเดียวได้ประโยชน์มากมาย หากสายพานอันไหนเก่าหมดสภาพแล้วเปลี่ยนซะมีราคาไม่ถึงร้อยถึงร้อยกว่าบาท ถ้ากลัวว่าช่างจะฟันราคาก็ซื้อติดมือไปให้ช่างเขาเปลี่ยนให้จะได้จ่ายแค่ค่าแรงประหยัดไปอีกชั้น สายหัวเทียนเก่าไปมั๊ย หากเก่ายุ่ยมากๆ ขาดแล้วพันๆเทปมาละก็เปลี่ยนไปเลยอย่าเสียดายเดี๋ยวจะเสียมากกว่าเดิม ให้เค้าเช็คหัวเทียนด้วยเพียงแต่เอามาล้างปรับเขี้ยวก็พอใช้ได้อีกนาน หัวเทียนไม่ใช่ของเสียง่าย หมดอายุการใช้งานราวๆประมาณ 20,000 กม.
(2000 ชม.) หากเจอช่างที่ดี แต่ถ้าเยินจริงๆเปลี่ยนก็ได้เพราะราคาถูกมากๆ ที่จะช่วยยืดอายุหัวเทียนได้อีกอย่างคือน้ำมันอเนกประสงค์ครับ ติดรถไว้ก็ดีไว้ฉีดพวกขั้วแบตฯ ขั้วหัวเทียน จานจ่าย(ถ้าไม่รู้จักว่าอันไหนไปถามช่างคนเดิมอีกนั่นแหละ) เวลาเก็บอย่าเอาไปไว้ที่ร้อน เกิดตูมตามขึ้นมาไม่รู้ด้วย
4.คราวนี้มาดูที่ช่วงล่างกันบ้าง
ถ่วงล้อ อัน นั้นถือว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่หลายคนมองข้ามเพราะเมื่อเราใช้ความเร็ว สูงขึ้นหน่อยรถกลับสั่นๆ อาจนึกไปถึงช่วงล่างอื่นๆ แต่ความจริงปัญหามันแค่เพียงถ่วงล้อเท่านั้นเอง ผมแนะให้ไปถ่วงล้อที่เรียกว่า “ถ่วงจี้” เพราะเท่าที่ทำมาได้ผลดีพอสมควร ดีกว่าการถอดล้อไปถ่วงข้างนอก
สังเกตด้วยว่าบางครั้งน็อตล้อเราอาจเป็นคนละแบบทำให้การถอดล้อไปถ่วงไม่แม่นยำแต่ ถ้าให้ดีก็เปลี่ยนน็อตให้มันเหมือนกันให้หมดเลยจะดีกว่า ก่อนถ่วงบอกให้ช่างแกะหินที่ติดล้อออกให้ด้วยนี่ก็เป็นผลให้การถ่วงล้อไม่แม่นยำ แนะให้ไปถ่วงหลังไปล้างรถจากปั้มใหม่ เพราะโคลนที่ติดล้อก็เป็นอีกปัจจัยนึงเช่นกัน เคยแนะให้รุ่นน้องที่มีปัญหาที่ว่าไปถ่วงจี้มาหลายคนส่วนใหญ่จะบอกว่ายังกับได้รถใหม่มาแน่ะ
ยางรถ ดูว่าดอกยางยังเต็มๆดีหรือไม่ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเปลี่ยนถามจากร้านยางดูก็ดีถ้า ร้านที่ดี(ไม่เห็นแก่ยอดขาย)บ่อยครั้งเค้าจะ บอกว่าใช้ได้อีกนานแต่ถ้าเค้าบอกว่าเปลี่ยนเถอะให้สังเกตว่าดอกยางเรายัง เต็ม ยางยังไม่เสียรูป แก้มยางยังสวย เนื้อยางยังสดอยู่หรือไม่ ไม่แนะนำให้ไปทำตามปั้มแต่ก็ตามใจหากใครอยากลองดู การเติมลม ควรเติมซัก 27-28 หากอยากได้ความนิ่มนวล และ 30 หากต้องการประหยัดน้ำมันได้อีกนิดหน่อยในการวิ่งแบบรถไม่ติด อย่าลืมเติมลมยางอะไหล่ด้วยแนะให้เติมเกินปกติไว้ 2 ปอนด์ (ประมาณ 32 ปอนด์) เพราะไม่ได้เติมบ่อยๆ แนะอีกนั้นแหละให้ไปเติมที่ปั้มเจ็ทเพราะเครื่องวัดแบบดิจิตัลค่อนข้างแม่นยำกว่าร้านยางซะอีกและอย่าลืมอุดหนุนเค้าบ้างก็ดี
เช็คช่วงล่าง ไปอู่ที่รับทำช่วงล่างให้เค้ายกรถตรวจพวก ยางหุ้มแร็คช่วงล่างอื่นๆ เพราะบางครั้งเปื่อยๆแล้วเปลี่ยนไปเลยราคาไม่ถึง 300-400 บาท ถ้าขาดขึ้นมาแต่เราไม่รู้จะลำบาก ทั้งทรายทั้งโคลนหลุดเข้าไปละก็เสียมากกว่านี้อีกมาก ให้ช่างตรวจลูกหมาก-คันชัก-คันส่ง-ปีกนก โยกๆแล้วหลวมๆหรือไม่
แต่พวกนี้ถ้าไม่หลวมมากเอาไว้ตอนได้โบนัสออกหรือกู้สหกรณ์ได้ก่อนค่อยมาเปลี่ยนก็ได้ หากยังพอใช้ได้
5.มาดูภายในรถกันบ้าง
หากรถมีกลิ่น แนะนำว่าให้เราจอดรถตากแดดหมุนกระจกลงมาเล็กน้อยทำซ้ำๆหลายวันช่วยได้บ้าง อยากจะแนะนำวิธีการแบบประหยัดและได้ผล นั่นก็คืดใช้ถ่านหุงข้าวนี่แหละเอามาพอประมาณ ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าแล้ววางซุกๆไว้ในที่มุมอับๆ เพราะถ่านหุงข้าวจะช่วยดูดกลิ่นอับได้ดีมาก และอยากให้หอมอ่อนๆ แบบธรรมชาติใช้ใบเตยหอมทั้งใบซักกำแล้วหักพับอย่าให้เกะกะ หาที่ซุกตามใต้เบาะที่นั่ง อยากให้หอมเร็วๆมากๆหน่อย ก็ใช้ 2-3 กำ เพียงเท่านี้ก็หอมแบบสปาแล้วและก็จะดีสำหรับผู้ที่แพ้กลิ่นน้ำหอมด้วย รับรองว่าไม่เกินสัปดาห์ รถคุณจะหอมใหม่ไม่มีกลิ่นกวนใจให้เสียอารมณ์เลย วิธีนี้ต้องยกความดีให้แม่บ้านครับเพราะแพ้น้ำหอม เลยใช้วิธีนี้ทั้งดีและประหยัดครับ และที่สำคัญอย่าสูบบุหรี่ในรถเพราะควันบุหรี่ จะจับกับเบาะกำมะหยี่ คงสภาพกลิ่นนานยิ่งนานๆยิ่งเหม็นมา เหมือนที่เขี่ยบุหรี่เลยละ ยางรองพื้น บางทีเต็นท์ให้มาเฉพาะยางแผ่นเล็กทำให้ทรายกระจายฝังในพรม แนะ ให้ใช้ยางที่เป็นรูปแอ่งๆ ไม่สวยนักแต่สะอาดอย่าบอกใครไม่มีทรายกระเด็นออกด้วยหรือถ้ากำลังทรัพย์มีก็ เอาแบบที่มีขายตามห้างที่มีเฉพาะรุ่นก็ได้ น้ำยาต่างๆ หาซื้อน้ำยาต่างๆเช่นแชมพูล้างรถ ยาขัดเบาะ ยาขัดสีรถ แนะนำว่าเพื่อความประหยัดควรล้างเองจะได้มั่นใจว่าสะอาดและได้รู้จุดอ่อนของตัวถัง-สีรถเราเอง เสียงดังหน้าคอนโซล อันนี้สืบเนื่องาจากรถใช้มาหลายปีเกิดจากการเคยถูกถอดคอนโซล ใส่กล้บเข้าไปไม่สนิทหรืออาจหลวม บางทีพลาสติกเสื่อมสภาพ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รู้รำคาญ หรือประสาทเสียเพราะกังวล ขับรถไม่สนุก แต่การหาจุดนี่ยากที่สุดพวกนี้ต้องค่อยๆหาแล้วหาซื้อตัวยึดพลาสติกตามวรจักรมาใส่แทนได้หากของเก่าแตกหรือหลวมหรือไม่มีเลย
6.สังเกตกันนิด
ซื้อรถมาวันแรกผมแนะนำให้ล้างเลยไปให้โดนน้ำฉีดแรงๆ ตามคาร์แคร์ ถึงแม้เต็นท์จะขัดสีรถมาสวยงามสักปานใด เพราะรถหลายคันพึ่งไปสาดสีมาทั้งคัน การประกอบขอบยางกันน้ำซีลซิลิโคนประตูและกระจกหน้า-หลังต่างๆ อาจ ทำมาไม่ดีพอเพราะทำเอง ในอู่สีไม่ได้ทำที่ร้านกระจกที่ชำนาญกว่าบ่อยครั้งที่ น้ำไหลเข้ารถเป็นถังๆ เวลาฝนตกจะได้รีบซ่อมเองหรือให้เต็นท์ทำให้หากตกลงกันไว้แล้ว
แอร์ หากได้ยินเสียงแต็กๆ ดังติดๆกันขณะเปิดแอร์ทำให้รอบเครื่องเราขึ้นๆลงๆ ให้ช่างเช็คดูช่างที่เก่งๆ จะยังไม่วิ่งไปดูที่คอมแอร์ แต่จะตรวจที่ตัวปรับระดับความเย็นที่ภาษาช่างแอร์เรียกรางเลื่อน (Slice volume) เพราะรถเก่าแล้วพวกนี้จะสึกรึหมดอายุเปลี่ยนซะราคา 300-400 บางทีไม่ถึงกับต้องไปยุ่งกับคลัชแอร์หรอกครับ ร้านทำแอร์ผมชอบร้านที่แท็กซี่เค้าชอบไปทำกันเพราะราคาไม่แพงคุยกันได้ แต่ไม่ใช่ร้านที่แท็กซี่ไม่เข้าไม่ดีนะครับ อย่าง ผมใช้ทั้งสองร้านเพราะที่เจอความชำนาญร้านอาแปะของผมเนี่ยเก่งเข้าขั้นเลยที เดียวแต่ราคาเอาเรื่องเหมือนกันเวลาเข้าซ่อมถามไว้เลยว่าเท่าไหร่ ต่อไปเถอะลดได้นิดหน่อยดีกว่าไม่ลดเลย ซ่อมบ่อยๆ ชำนาญขึ้นเดี๋ยวก็รู้ราคาไปเอง
ตรวจดูหลอดไฟรถ ไฟหน้าสูง-ต่ำ ไฟหรี่ ไฟท้าย-ไฟเบรก ไฟกระพริบซ้ายขวา ไฟถอย ไฟทะเบียน ติดครบหรือไม่จัดการให้เรียบร้อยสมบูรณ์ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และการตรวสภาพรถของกรมการขนส่งทางบก หากไฟเหล่านี้ไม่พร้อมเขาไม่ให้ผ่านแน่นอน หากมีอะไรนอกเหนือจากนี้ต้องเช็คต้องเปลี่ยนคงต้องอาศัยการเอาใจใส่ และความช่างสังเกตจากตัวคุณเอง ย้ำต้องดูแลอย่างสม่ำเสมอไม่ใช่แค่เพียงช่วงแรกๆเท่านั้น หมั่นหาความรู้เสมอๆควรให้คนในครอบครัวมีส่วนร่วมด้วย สร้างความสัมพันธ์กันโดยมีรถเป็นสื่อนี่ก็ถือว่ารถไม่ใช่แค่เพียงเป็นพาหนะอย่างเดียวใช่มั้ยละครับ มาถึงบรรทัดนี้ขอเรียนว่าการใช้รถเก่า รถมือสอง ไม่ใช่เป็นเรื่องน่าอาย เสียหายอะไร แต่กลับเป็นเรื่องที่ดีที่คุณช่วยประหยัดเงินให้ประเทศชาติ และตัวคุณเอง คนขับรถใหม่อาจจะสบายใจว่ารถพร้อมใช้งาน แต่ดอกเบี้ยและค่างวดในแต่ละเดือนทำเอาเหงื่อตกได้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าแอร์รถใหม่จะเย็นจัดก็เถอะ และที่สำคัญรถที่เก่ามากๆหากดูแลให้มีความสมบูรณ์พร้อม ย่อมมีคุณค่าและราคามากในสายตาของนักเล่น นักสะสมรถเก่า ดีๆไม่ดีหากถูกตาต้องใจนักสะสมเข้าราคาอาจเพิ่มเป็นเท่าตัวมากกว่าตอนซื้อมาอีกนะครับจะบอกให้

ซื้อรถมือสองมาแล้ว…อย่าเพิ่งขับอ่านเรื่องนี้ก่อน (ตอนที่ 1)

แน่นอนกว่าที่คุณจะเก็บหอมรอมริบได้เงินครบจะไปดาวน์รึซื้อสดรถคันโปรดที่คุณเฝ้ารอคอยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นข้อแนะนำในการบริหารเงินที่จะใช้ซื้อรถมือสอง คือคุณต้องพยายามต่อรองราคาให้ลดลงมาให้มากที่สุด เพื่อจะได้เก็บเงินส่วนต่างนี้ไปใช้ในการตรวจเช็คสภาพอย่างละเอียดถึ่ถ้วนเรียกว่าลงทุนครั้งเดียวใช้ได้อีกนานกว่าจะซ่อม หากไม่ทำอย่างนั้นก็ได้ เพราะเป็นสิทธิของท่าน แต่บอกก่อนนะครับว่า รถเก่ามันเหมือนคนแก่นั่นแหละหากดูแลไม่ดี ก็จะมีอาการจุกจิกตามมาเสียเวลาเสียเงินแบบยุบยับ ดังนั้นไหนๆ ก็ต้องจ่ายซื้อรถอยู่แล้วก็เพิ่มเติมอีกนิดหน่อยเพื่อตรวจเช็คสภาพปรับเปลี่ยนรีเซ็ทกันใหม่ให้มีความพร้อมก่อนขับจะได้สบายใจไม่ต้องลุ้น ดังนั้นเมื่อซื้อมาแล้วแนะนำว่าอย่าเพิ่งขับ ใจเย็นๆ ได้ขับแน่นอน แต่เมื่อไม่ขับแล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปละ สำหรับเจ้าของรถมือใหม่(แต่)รถไม่ใหม่นั้น ควรต้องทำสิ่งต่างๆ ก่อนที่จะนำไปใช้งานดังต่อไปนี้ครับ อันดับแรกคือ
1.ต้องทำความรู้จัก กับรถที่คุณซื้อมาก่อนว่า รุ่นอะไร ปีไหน
เชื่อเหลือเกินว่าต้องมีบ่อยครั้งที่ท่านไปซื้ออะไหล่รถเอง ถ้าไม่รู้ชื่อยี่ห้อและรุ่นต้องเกิดปัญหาแน่นอน คือไม่เจอ หรืออาจจะผิดรุ่นใช้ไม่ได้ อย่างเช่น รถชื่อรุ่นเดียวกันแต่อาจใช้เครื่องยนต์ต่างกันก็มีไม่น้อย เรื่องอย่างนี้ถือเป็นเรื่องหญ้าปากคอกที่ทำให้เจ้าของรถที่เรียกตัวเองว่าเซียนเหงื่อแตกมาหลายคนแล้ว เวลาไปซื้ออะไหล่รถที่ตัวเองขับอยู่ทุกวัน ผมเจอมาแล้ววิ่งไปมาระหว่างอู่กับร้านอยู่หลายตลบ ทางที่ดีเอาแบบช่างลูกทุ่งชัวร์ๆ เลย(ถ้าชิ้นไม่ใหญ่เกินไป) เอาไปเป็นตัวอย่างด้วยจะได้ชัดเจนแน่นอน
ประการต่อมาขนาดเครื่องยนต์ จำนวนซีซี จำนวนวาวล์เท่าไร ชื่อบล็อกของเครื่องยนต์ เช่นยี่ห้อมิตซูบิชิ-แลนเซอร์ บล็อก 4G63 ตัวเลขเพียงไม่กี่ตัวกลับบอกความแตกต่างของรุ่นได้มากมาย ถ้าไม่รู้เปิดฝากระโปรงรถดูส่วนใหญ่จะมีเขียนรายละเอียดเอาไว้ บางคนอาจเถียงว่าดูจากคู่มือรถก็รู้ แต่ในความเป็นจริงก็ทราบกันดีว่าคู่มือการใช้รถนั้นน้อยนักที่จะตกมาถึงมือของเจ้าของรถมือสองมือสามอย่างเราๆ ถึงมีก็อาจจะมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้วก็เป็นได้ จุดวัดระดับน้ำมัน-น้ำยาต่างๆ คุณต้องรู้ว่าอันไหนเป็นจุดวัดระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ น้ำมันเบรก น้ำยาแอร์ หม้อน้ำรถ หม้อพักน้ำ น้ำฉีดกระจก น้ำกลั่นแบตเตอรี่ ฯลฯ อย่างน้อยเราต้องรู้ว่าจะวัดระดับตรงไหนอย่างไร บางคนซื้อรถมือสองมาใหม่คุยเรื่องระบบต่างๆของรถราวกับท่องมาซะยืดยาว แต่เปิดฝากระโปรงรถดู กลับไม่รู้ว่าดูระดับน้ำมันเครื่องตรงไหนกันแน่อันนี้อาการหนักจริงๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ ดูระดับน้ำมันเครื่องตรงไหน Max – Min เติมน้ำหม้อน้ำตรงไหน ควรเติมในหม้อพักและไม่ให้มากไปนักที่สำคัญควรเปิดน้ำที่หม้อน้ำดูด้วยว่าเต็มหรือไม่ที่สำคัญต้องไม่ทำตอนเครื่องร้อนอันตราย ทั้งจากพัดลมและความร้อนของหม้อน้ำ ดูระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ต้องเปิดดูทุกช่องเติมไม่ต้องล้นเพียงแต่เติมให้พอดีกับพลาสติคที่เป็นลิ้นลงไปในช่องก็เพียงพอแล้ว ห้ามเติมจนล้นมิฉะนั้น แบตเตอร์รี่อาจเจ๊งก่อนวัยอันควร ดูระดับน้ำฉีดกระจก ถ้าแห้งจะทำให้ปั้มฉีดน้ำเสียหายได้ อันนี้บอกให้ลูกๆมาช่วยเติมได้ ไม่มี ลิมิตอย่างมาก็แค่ล้นไม่อันตราย จากนั้นดูระดับน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ บางรุ่นไม่ต้องเปิดฝาก็รู้สามารถดูได้จากข้างกระปุกมีขีดบอกระดับ มีคำเตือนเล็กน้อยอยู่บริเวณฝาอ่านบ้างก็ดีว่าเขามีคำแนะนำว่าอย่างไรจะได้เป็นความรู้ ดูระดับน้ำมันเบรก บางครั้งไม่ต้องถึงกับเปิดฝามาดูเพราะมีขีดบอกสามารถมองเห็นจากภายนอกเช่นกัน ถัดมาดูระดับน้ำยาแอร์ ดูจากกระปุกพักน้ำยาแอร์สังเกตกระปุกที่มีท่ออะลูมีเนียมรึทองแดงต่อเข้านั้นแหละมีเลนซ์ สังเกต ถ้าน้ำยาแอร์เต็มเราจะไม่เห็นว่ามีอะไรในเลนซ์นั้นเลยแต่ถ้าเมื่อไหร่เห็นในเลนซ์นั้นมีน้ำวิ่งๆเมื่อไหร่ อย่าคิดว่าน้ำยาแอร์เต็มนะครับนั้นคือน้ำยาแอร์หมดแล้วละครับ ไปร้านแอร์ให้ตรวจเช็คเลยโดยด่วน ก่อนที่จะลามไปถึงคอมเพรสเซอร์ (หลายกะตังส์) และที่สำคัญท่านจะได้ไม่ร้อนเวลาขับรถครับ
2.เปลี่ยนซะให้เรียบ
อันดับแรกคือน้ำมันเครื่องและใส้กรองน้ำมันเครื่อง บ่อยครั้ง(เกือบทุกครั้ง)รถจากเต็นท์นั้นเค้าไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องมาให้ บางครั้งพึ่งเปลี่ยนมาถือว่าเป็นโชคดีไป แต่ ถ้าให้ดีถ้าเราดึงสายวัดออกมาแล้วน้ำมันเครื่องเหนียวๆ ไม่หยดติ๋งๆ เปลี่ยนไปเถอะครับเพื่อความสบายใจ ถ้าเปลี่ยนแล้วขับรถกลับบ้านมาดึงเข็มวัดออกมาเห็นน้ำมันเครื่องทำไมขุ่นซะแล้วให้คุณดีใจไว้เลยว่าน้ำมันเครื่องนั้นดีเพราะสามารถดึงเขม่าที่จับกับ ชิ้นส่วนในเครื่องออกมาได้เป็นอย่างดี รวมถึงเปลี่ยนใส้กรองน้ำมันเครื่องด้วยไม่แนะนำไปใช้ใส้กรองจากปั้มเพราะ สมัยนี้ใส้กรองของเทียมมีเยอะอายุการใช้งานสั้นกว่า (ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้) ใครรักรถมาก (กว่าเมีย)แนะให้ใช้ของแท้แต่ผมชอบใช้ของเทียมเพราะมีคุณภาพพอๆกันและอาจดีกว่าด้วยซ้ำไป ว่างๆผ่านไปแถววรจักรก็ไปซื้อซะ ถือว่าเป็นการหัดทำความรู้จักกับร้านอะไหล่ไว้ ดูด้วยว่าต้องแถมแหวนยางโอริงมาด้วยแต่อย่าไปคิดว่าเอามาใช้กับกรองน้ำมันเครื่องล่ะ โอริงนี้ไว้ใช้กับน็อตที่เป็นก๊อกปิด-เปิดอ่างน้ำมันเครื่องของเราต่างหาก เวลาให้ช่างใส่ดูกับเค้าด้วย ก่อนใส่แนะว่าให้เอาน้ำมันเครื่องเรานี่แหละทาขอบยางของกระปุกกรองด้วยกันยางเบี้ยวออกมาเวลาขันเข้า ต่อมาใส้กรองอากาศ หากสภาพยังดีไม่มีรอยขาดยุ่ย ก็ถือว่ายังใช้งานได้ แต่ต้องใช้ลมเป่าทำความสะอาดซักหน่อย เพื่อจะได้ไม่มีฝุ่นผงอุดตัน ส่งผลให้เครื่องยนต์กลไกทำงานได้สมบูรณ์ขึ้น หากจะเป่าเองตามปั๊ม แนะให้ใช้บริการที่ปั้มเจ็ทที่มีที่เป่าอากาศตรงที่เราเติมลม มีหลายคนขับรถมาจนแก่เป่าอากาศยังไม่เป็น การเป่ากรองอากาศต้องเป่าจากในออกนอก ห้ามเป่าจากข้างนอกเข้าในเด็ดขาด ถึงแม้เป่าแล้วฝุ่นกระจายดีแต่นั้นคือการทำให้กรองอากาศของเราตันไปเลย แต่ถ้าเก่าแล้วเปลี่ยนไปเลยไม่ได้แพงอะไรนัก สำหรับมือใหม่ระวังจะถอดไม่เป็นให้สังเกตสลักยึดให้ดี ดึงออกให้ครบไม่ต้องออกแรงมากนักพอประมาณเดี๋ยวพวกสายอากาศจะหลุดแล้วใส่กลับไม่ถูกจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
หากรถคุณเป้นเครื่องยนต์เบนซิน ขอแนะนำว่าต้องเปลี่ยนใส้กรองเบนซิน ราคาไม่กี่ตังค์ เพื่อผลทางด้านกำลังรถ จะได้ไม่ต้องบ่นว่ารถเร่งไม่ขึ้น กระตุกเป็นช่วงๆ แต่อันนี้แนะนำไปให้ช่างเปลี่ยนให้ อย่าลืมถามความรู้เล็กๆน้อยๆจากช่างด้วย(แบบเนียนๆชวนคุยไปเรื่อยๆ) ยังมีอีกหลายจุด ที่แนะนำมายังอยู่แค่ช่วงบน ยังไม่ถึงช่วงล่าง ในตอนหน้าจะมาว่าต่อเรื่องช่วงล่าง เครื่องยนต์ และไฟฟ้ารถยนต์ ตอนนี้ขอพักก่อนครับแล้วเจอกัน....

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คอมมอลเรลคืออะไร (commonrel)


ระบบ คอมมอลเรล เป็นชื่อเรียก ของระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหนึ่งของเครื่องยนต์ดีเซล จริงๆ แล้วก็คือ ระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง แต่เพราะเดิมเครื่องยนต์ดีเซลก็เป็นระบบหัวฉีดทุกตัวอยู่แล้ว ซึ่งเป็นแบบกลไก ถ้าจะเรียกระบบใหม่โดยมีคำว่าหัวฉีด (INJECTION) ผสมอยู่ด้วย ก็คงกลัวว่าจะเกิดความสับสนหรือไม่รู้สึกว่าใหม่จริง จึงนำจุดเด่นเรื่องการมีรางน้ำมันแรงดันสูงร่วมกันมาตั้งเป็นชื่อเรียก คอมมอนเรล เป็นชื่อเรียกระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเดียวกับ คาร์บูเรเตอร์ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ หัวฉีดกลไก หัวฉีดเคเจททรอนิกส์ (ในเบนซ์รุ่นเก่าๆ) ไม่ได้เป็นชื่อของเครื่องยนต์ และไม่มีใครเป็นเจ้าของลิขสิทธ์ในชื่อนี้แต่อย่างไร เป็นชื่อเรียกกลางๆ ของระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องยนต์ดีเซล แบบมีรางน้ำมันแรงดันสูงร่วมกันเท่านั้น (คอมมอน=ร่วม เรล=ราง) เหมือนๆ กับเรียกว่า เครื่องยนต์เบนซินคาร์บูเรเตอร์, เครื่องยนต์เบนซินหัวฉีด, เครื่องยนต์ดีเซลหัวฉีดกลไก, เครื่องยนต์ดีเซลหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ (คอมมอนเรล) ดังนั้นจึงไม่มีบริษัทรถยนต์รายใดเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในชื่อนี้ ปัจจุบันรถปิกอัพที่มีในประเทศไทยที่ใช้ระบบคอมมอนเรล ยังด้อยกว่ารถเก๋งในยุโรปนับสิบรุ่นที่มีระบบการทำงานเหนือกว่า และผ่านไอเสียยูโร สเต็ป 4 ดังนั้นถ้ารถปิกอัพในไทยเป็นซูเปอร์คอมมอนเรล รถเก๋งในยุโรปเหล่านั้นก็ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาเรียก และไม่พบว่ามีรายใดใช้คำว่าซูเปอร์นำหน้า ถ้ามีก็เข้าข่ายโฆษณาเกินจริง การใช้คำว่าซูเปอร์คอมมอนเรล เป็นลูกเล่นในการโฆษณาสร้างความรู้สึกให้เหนือกว่าเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับทางวิศวกรรมเลย ผู้ผลิตอุปกรณ์และระบบคอมมอนเรลในปัจจุบันมีไม่กี่รายในโลก เช่น บ็อช, นิปปอน เดนโซ, เดลฟาย, ซีเมนส์ ฯลฯ นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คนไทยมีโอกาสได้ใช้รถปิกอัพเครื่องยนต์คอมมอนเรล แม้จะทยอยเปลี่ยนกันอย่างช้าๆ ก็ตามทีบางยี่ห้อออกมาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ และหวังผลทางการตลาด และราคา แต่รุ่นที่ขายดีจริงๆ ยังขายรุ่นเก่าอยู่ แต่ก็นับว่าเป็นโอกาสดีของคนไทย ที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ ในรถยนต์ทุกยี่ห้อไปในทางที่ดีขึ้น เรามาดูกันว่ามีค่ายใดที่เขาพัฒนาระบบนี้บ้าง และมีสมรรถนะอย่างไร เผื่อว่าท่านที่กำลังมองหารถไว้ใช้สักคันจะได้มีข้อมูลเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจเลือกครับ

เจ้าแรกที่นำคอมมอลเรลใช้คือ อีซูซุ TRUPER ถัดมามีรุ่นใหม่คือ d-max 2.5-3.0 ddi-i-tec ไปดูข้อมูลกัน
3.0 ddi-i-tec เป็นซูเปอร์คอมมอนเรล 3000 ดีดีไอ สายพันธ์แท้! จากอีซูซุ เครื่องยนต์รุ่นใหม่หมด รุ่น 4JJ1-TC เทคโนโลยีล่าสุด ล้ำยุคสุดว่ากันอย่างนั้น ข้อมูลที่เจ้าของค่ายนี้เขาบรรยายเกี่ยวกับ สมรรถนะว่าเป็นยอดสมรรถนะแรงสุด...เร็วสุด...ประหยัดน้ำมันสุด ให้กำลังสูงสุด 146 แรงม้า (107 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 294 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่รอบต่ำ และรักษาระดับแรงบิดสูงสุดต่อเนื่องจนถึงรอบสูง หรือ Flat Torque อย่างแท้จริงที่ 1,400 – 3,400 รอบ/นาที แต่ให้ความประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิม อี ซูซุ “ไอ-เทค” ซูเปอร์คอมมอนเรล 3000 ดีดีไอ แรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงสูง “Super High-pressure” 180 MPa. (เมกะปาสคาล) เทคโนโลยีล่าสุดของโลกคอมมอนเรล เทคโนโลยีล้ำหน้าสุดของโลกคอมมอนเรล ฉีดน้ำมันเป็นละอองอณูละเอียดกว่าเผาไหม้มีประสิทธิภาพหมดจดกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า คุ้มค่าทุกอณูน้ำมันอย่างแท้จริง รักษาสิ่งเวลดล้อมมาตรฐานยูโร 3 ก็ถือว่าคุ้มค่า
ส่วนเจ้าเครื่อง 2.5 เป็นเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด! รุ่น 4JK1-TCไอเทค 2500 ดีดีไอ ซูเปอร์คอมมอนเรล
สุดยอดสมดุลแห่งเทคโนโลยี ประหยัดน้ำมันสุด พร้อมสมรรถนะเหนือชั้น เครื่องยนต์ขนาด 2,500 ซีซี พลังแรงสุด 116 แรงม้า หรือ 85 กิโลวัตต์ ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,200 รอบ/นาที พลังแรงจัด อัตราเร่งสูง ซึ่งประหยัด 25.4 ก.ม/ลิตร

มาดูที่ค่าย TOYOTA กันบ้างครับ
ถ้า คุณคือคนหนึ่งที่อยากมีส่วนช่วยลดมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วันนี้คุณสามารถค้นพบได้ในเครื่องยนต์ คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น เพราะนอกจากสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่กล่าวถึงไปแล้วนั้น เครื่องยนต์คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชั่นยังเป็นเครื่องยนต์ที่สะอาดมีค่ามลพิษในไอเสียต่ำทั้งตัว เลขของค่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ และไฮโดรคาร์บอน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสภาพแวดล้อมและสร้างมลภาวะในอากาศ แม้ว่าเครื่องยนต์ดีเซล
แบบไดเร็คอินเจคชั่นยุคเดิมให้อัตราความประหยัด น้ำมันที่ดี แต่ข้อเสียที่เห็นได้ชัดเจน คือมีควันดำ และมีค่าของก๊าซพิษในไอเสียที่สูงมาก เพราะระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ยังไม่ทันสมัยเท่าที่ควร การจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไม่แม่นยำ ระบบหัวฉีดแบบกลไก ไม่สามารถฉีดน้ำมันให้แตกตัวเป็นละอองละเอียด ทำให้การเผาไหม้ไม่ค่อยสมบูรณ์และส่งผลต่อเนื่องในเรื่องของมลพิษ เครื่องยนต์ D-4D แบบคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชั่น ได้นำเทคโนโลยีหลากหลายมาใช้เพื่อการกำจัดมลพิษที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบสมองกลอิเล็กทรอนิกส์ ECU 32 บิท ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ให้มีความแม่นยำและเปี่ยมประสิทธิภาพ ระบบปั๊มแรงดันสูงและระบบหัวฉีดไฟฟ้า จ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้อย่างต่อเนื่อง
และฉีดน้ำมันให้เป็นละอองฝอยคลุกเคล้ากับอากาศได้อย่างทั่วถึง เผาไหม้ได้สมบูรณ์ ระบบมัลติวาล์ว เพิ่มปริมาณไอดี และลดปริมาณไอเสียที่ถ่ายเทเข้า-ออก ภายในกระบอกสูบได้ดียิ่งขึ้น และระบบหมุนเวียนของไอเสีย หรือ EGR (Exhaust Gas Recirculation System) ช่วยลดควันดำที่มักจะเกิดจากเครื่องยนต์ดีเซล
นอกจาก นั้น ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อลดมลพิษ เช่น การติดตั้งเครื่องฟอกไอเสีย (Oxidation Catalytic Converter) ทำหน้าที่แยกก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ และไฮโดรคาร์บอน รวมทั้งก๊าซที่มากับไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซล ระบบ NOx reduction Catalytic Converter เพื่อลดปริมาณของก๊าซไนโตรเจนออกไซต์ รวมทั้งยังติดตั้งตัวกรองอนุภาคในไอเสีย เพื่อทำหน้าที่แยกอนุภาคหนักออกจากไอเสีย และใช้ความร้อนเผาทำลายก่อนปล่อยออกสู่ภายนอก และพัฒนาระบบการจุดระเบิดล่วงหน้าด้วยการฉีดน้ำมันนำร่อง หรือ Pilot Injection ในระบบจุดระเบิดเพื่อให้กระบวนการเผาไหม้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น
จากความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีที่โตโยต้ามุ่งพัฒนาเพื่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เครื่องยนต์ D-4D คอมมอนเรลของโตโยต้าสามารถผ่านมาตรฐานควบคุมไอเสียในระดับ Euro Step III ซึ่งมีความเข้มงวดในการตรวจสอบ และเป็นมาตรฐานไอเสียระดับสูงที่ประกาศบังคับใช้ในยุโรปหลายประเทศ สิ่งเหล่านี้คือ ผลลัพธ์จากความทุ่มเทของโตโยต้าที่ห่วงใยในสภาพแวดล้อม จึงสร้างสรรค์เทคโนโลยีสีเขียวที่เปี่ยมด้วยพลังสะอาดและตอบสนองต่อการใช้ งานอย่างมีประสิทธิภาพ

ถัดมา ค่าย MAZDA
ตลาดปิกอัพไทยแนวรบยังดุเดือด คราวนี้เป็นทีของพระรองบ้าง เมื่อสองค่ายพันธมิตร "มาสด้า-ฟอร์ด" เตรียมส่งปิกอัพโฉมใหม่ลงสู้ศึก โดยมาสด้ากำหนดเปิดตัวกับสื่อมวลชนไปแล้ว เมื่อ 9 มี.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ฟอร์ดน่าจะเผยโฉมในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยทั้งคู่นอกจะชูรูปลักษณ์ใหม่ ที่แม้จะใช้พื้นฐานร่วมกัน แต่การออกแบบล้วนฉีกสไตล์ใครสไตล์มัน พร้อมชูเครื่องยนต์คอมมอนเรลใหม่ 2.5 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ และ 3.0 ลิตร เทอร์โบ 115 กิโลวัตต์ ที่มีแรงบิดสูงสุดเมื่อเทียบกับปิกอัพไทย ทำให้การออกตัว และอัตราเร่งดีกว่า แถมยังประหยัดน้ำมันกว่าเดิม 10% มาสด้าไฟเตอร์ นอกจากจะมีรูปโฉมใหม่หมดจด ซึ่งดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลมาจากรถอเนกประสงค์รุ่น "ทริบิวต์" พอสมควร มาสด้ายังได้พัฒนาเครื่องยนต์ใหม่มาติดตั้งเรียกว่า เอ็มแซดอาร์-ซีดี (MZR-CD) ซึ่งเป็นเครื่องยนต์คอมมอนเรลเทอร์โบ มีให้เลือกทั้งขนาด 2,500 ซีซี และ 3,000 ซีซี และจากการที่ปิกอัพใหม่ของมาสด้า ที่ใช้พื้นฐานร่วมกับฟอร์ด รวมถึงเครื่องยนต์ที่นำมาติดตั้ง แม้จะเรียกชื่อแตกต่างกันไป แต่ยังไงก็เป็นบล็อกเดียวกัน ทำให้สเปกเครื่องยนต์ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปจากกันนัก สำหรับเครื่องยนต์ฟอร์ดเรนเจอร์ ใหม่ เป็นบล็อก 2,500 ซีซี คอมมอนเรล เทอร์โบ TDCI มีกำลัง105 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 143 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 330 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 รอบต่อนาที และเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี คอมมอนเรล เทอร์โบ TDCI มีกำลัง 115 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 156 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 รอบต่อนาที
เหตุนี้ปิกอัพใหม่ของมาสด้าและฟอร์ด จึงมีจุดขายที่แรงบิดสูงสุดในรอบต่ำโดยเฉพาะเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี เมื่อเทียบกับปิกอัพยี่ห้ออื่นๆ ที่ทำตลาดอยู่ในไทยปัจจุบัน ทำให้ปิกอัพมาสด้าและฟอร์ด มีการออกตัวที่ดี ประหยัดน้ำมันขึ้น 10% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม อัตราเร่งแซงดี เครื่องยนต์เดินเงียบ มีระดับเสียง และสั่นสะเทือน (NVH) ที่ต่ำ เช่นเดียวกับปริมาณไอเสีย ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยค่ามาตรฐานเสียผ่านมาตรฐานยูโร ระดับ 4

มาที่ค่าย FORD กันบ้าง
ฟอร์ดได้เปิดตัว กระบะ “เรนเจอร์ ใหม่” ที่วางเครื่องยนต์ใหม่ ดูราทอร์ก 380 คอมมอนเรล ชูแรงบิดสูงกว่าทุกค่าย พร้อมคงไว้ด้วยความอเนกประสงค์ และระบบนิรภัยมากขึ้นกว่าเดิมด้วยการติดตั้งถุงลมนิรภัยด้านข้าง บวกกับรูปลักษณ์สไตล์มะกัน โฉมใหม่ดุดันกว่าเก่า ฟอร์ด ย้ำแนวคิด “ชีวิตไร้ขีดจำกัด” เผยโฉมกระบะนิว“เรนเจอร์” พร้อมส่ง “เรนเจอร์” โฉมใหม่เอาใจคอกระบะที่ได้ปรับเปลี่ยนสไตล์กว่า 10 รายการตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยราคาคงเดิมพร้อม 3 สี อินเทรนด์ใหม่

ส่วนที่ค่าย NISSAN
นิสสัน ฟรอนเทียร์ โฉมใหม่ ถูกปรับปรุงให้มีหน้าตาทันสมัยขึ้น แถมออกศึกครั้งนี้ ยังปรับเปลี่ยนหัวใจใหม่ โดยวิศวกรของ นิสสัน วางเครื่องยนต์รุ่นใหม่ รหัส ZD30 ที่ให้กำลังม้าเพิ่มขึ้น ทันสมัยสุดๆ ด้วยฝาสูบแบบทวินแคม กับหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ECCS 16 บิท ช่วยให้เครื่องยนต์ เดินเรียบ และประหยัดน้ำมัน เมื่อรวมกับความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารแล้ว ทำให้ นิสสันฟรอนเทียร์ โฉมใหม่คันนี้ สามารถใช้งานได้สารพัดประโยชน์ ทั้งบรรทุกของ หรือจะอวดหน้าตาก็ไม่ขัดเขิน ภายนอก...มาดสปอร์ท ล้ำสมัย ด้านหน้าภายนอก ออกแบบให้ดูคล้ายรถ เอสยูวี มากขึ้น โดยเฉพาะไฟหน้าแบบ มัลทิฟังค์ชัน รีเฟลคเตอร์ ที่รวมไฟหรี่และไฟเลี้ยวไว้ในกรอบเดียวกัน ฝากระโปรงหน้ายกระดับให้สูงขึ้น เพื่อผลทางด้านอากาศพลศาสตร์ กระจังหน้าบึกบึน มีสัญลักษณ์ นิสสัน ทรง 3 มิติ อยู่ตรงกลาง กันชนสีเดียวกับตัวรถ ทำเป็นสันนูนขึ้นมา คล้ายกริลล์การ์ด มีช่องรับลมขนาดใหญ่ไว้ดักลม เพื่อระบายความร้อนหม้อน้ำ ไฟตัดหมอกแบบ มัลทิรีเฟลคเตอร์ ฝังอยู่ที่มุมกันชน ด้านข้างมีไฟเลี้ยวทรงรี ติดตั้งไว้ เหนือซุ้มล้อหน้า กระจกมองข้างปรับมุมมองด้วยระบบไฟฟ้า โครงสร้างแชสซีส์เป็นแบบ ซูเพอร์เฟรม ช่วยดูดซับ และลดแรงกระแทกจากด้านหน้า พวงมาลัยยุบตัวได้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และยังมีคานนิรภัยที่ประตูทุกบาน เพื่อปกป้องผู้โดยสารจากการชนด้านข้าง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น ภายในสไตล์เก๋ง เก็บเสียงได้เยี่ยม ห้องโดยสารเน้นความหรูหราสไตล์เก๋ง ด้วยเบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าที่ออกแบบให้นั่งได้สบาย แม้ในยามที่ต้อง เดินทางไกล หรือติดหนึบอยู่บนถนนในเมืองกรุง คอนโซลหน้าสีทูโทน ตกแต่งด้วยลายไม้ ช่วยให้ดูดีขึ้น มาตรวัดสีขาว แถบสีน้ำเงิน อ่านง่าย มองเห็นชัดเจน ปุ่มเปิด/ปิดแอร์แบบหมุน ใช้งานสะดวก กระจกหลังมีลวดละลายฝ้ามาให้ด้วย ช่วยอำนวยความสะดวก ให้คุณอุ่นใจในความปลอดภัยด้วยระบบ เซนทรัลล๊อค พร้อมรีโมทคอนโทรล เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากความหรูหราที่ฟรอนเทียร์ มีให้แล้ว นิสสัน ยังใช้วัสดุซับเสียงชั้นดี เพื่อทำให้ห้องโดยสารเงียบ กว่ารถพิคอัพทั่วไป และยังได้ผลดีจากการใช้เครื่องยนต์ ZD30 DD ที่ถูกออกแบบให้ทำงานได้เงียบ ทำให้แทบไม่มีเสียงเล็ดลอดเข้าไปภายในห้องโดยสารเลยทีเดียว เครื่องยนต์ ดีเซล ZD30DD สุดไฮเทค ล้ำหน้ากว่ารถปิคอัพทั่วไป ด้วยเครื่องยนต์ ZD30 DD ทวินแคม (DOHC) 16 วาล์ว ควบคุมการจ่ายเชื้อเพลิงด้วยคอมพิวเตอร์ ECCS 16 บิท ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิด สูงสุด 21.3 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบต่อนาที และรักษาระดับแรงบิดสูงสุดนี้ไว้จนถึง 3,400 รอบต่อนาที นอกจากจะโดดเด่นด้วยฝาสูบทวินแคมแล้ว ZD30 DD ยังมีเทคโนโลยี เอม-ไฟร์ ไดเรคท์อินเจคชัน ที่รวมเอาข้อดีของระบบไดเรคท์อินเจคชัน และระบบอินไดเรคท์อินเจคชัน ไว้ด้วยกัน ทำให้ประหยัด น้ำมัน ลดความสั่นสะเทือน การสึกหรอ และมีมลพิษต่ำ เครื่องยนต์สร้างแรงบิดได้สูงตั้งแต่รอบต่ำ และรักษาระดับแรงบิดสูงสุด
เพิ่มช่วงการใช้งาน มีวาล์วตัดอากาศทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ทำให้เครื่อง ไม่สะบัดขณะดับเครื่องยนต์
ระบบรองรับ ทนทรหด แต่นุ่มนวล ด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ ทอร์ชันบาร์ พร้อมชอคอับ และเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังใช้เพลาแข็งทำงาน คู่กับแหนบ และชอคอับ ระบบห้ามล้อ ด้านหน้าแบบจาน พร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังแบบดุม สามารถปรับระยะผ้าเบรคได้อัตโนมัติ พร้อมวาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรค ที่ใช้เซนเซอร์คอยตรวจจับการกระจายน้ำหนักของแรงกดระหว่างล้อหน้ากับล้อหลัง แล้วปรับแรงดันน้ำมันเบรคให้สมดุลกัน ช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพในการหยุดรถได้ดีขึ้น จากรายการ อุปกรณ์ทันสมัยต่างๆ ที่ค่ายนิสสัน บรรจุมาให้ ชี้ให้เห็นชัดว่ารถพิคอัพยุคนี้ ไม่ได้มีไว้ใช้ สำหรับบรรทุกของเพียงอย่างเดียว แต่สามารถใช้เป็นรถนั่งได้อย่างสบาย รวมทั้งสมรรถนะจากเครื่องยนต์ดีเซลที่ทันสมัย รหัส ZD30 DD ทำให้สนุกสนานกับการขับขี่ได้ไม่แพ้รถเก๋งทีเดียว

สุดท้ายค่ายน้องใหม่ในบ้านเรา CHEVROLET ครับ
บริษัท จี เอ็ม’ (GM) เดินหน้าเต็มสูบ ลุยตลาดปิกอัพต้นปีด้วยกระบะสายพันธุ์ใหม่ “เชฟโรเลต โคโลราโด G80 Diff-Lock” เขย่าวงการตลาดรถกระบะโดยติดตั้งระบบล็อกเฟืองท้าย กลไกอัตโนมัติ รายแรกของเมืองไทย ส่งผลให้เป็นกระบะที่มีกำลังมหาศาลพร้อมลุยทุกเส้นทาง ผู้บริหารประกาศมั่นใจจะทำให้ยอดขาย รถกระบะโคโรลาโดเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ พร้อมคาดการณ์ในอนาคตคู่แข่งต้องเดินตาม

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

รู้ให้ทันไฟแนนซ์ [Finance]


คนเดินดินกินข้าวแกงอย่างเราๆ ท่านๆ จะซื้อจะหาอะไรซักอย่างที่มีราคาหลักหมื่น ก็ต้องคิดกันนานละครับ ทั่วไปหากคิดจะซื้อสินค้าผ่อนส่งอะไรก็ตาม ต้องให้ความสนใจเกี่ยวกับตัวเลขค่างวดเงินผ่อนที่บริษัทลีสซิ่งหรือบริษัทไฟแนนซ์จะแจ้งให้คุณทราบว่าเป็นจำนวนเท่าใด เป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้บริโภคต้องรู้ ต้องเข้าใจวิธีการคิดตัวเลข จึงจะป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกโกงโดยไม่รู้ตัว และเชื่อได้ว่ามีประชาชนจำนวนมาก ๆ ที่ถูกโกงมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งพวกที่ผ่อนหมดไปแล้วหรือพวกที่กำลังผ่อนชำระกันอยู่ โดยปกติสินค้าที่เกี่ยวกับเงินผ่อนไม่ว่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ต่างมีวิธีการคิดค่างวดเงินผ่อนที่เหมือนกัน จะต่างกันก็ตรงดอกเบี้ยที่คิดเท่านั้น เพียงแต่ผู้บริโภคต้องทำความเข้าใจกับ 3 องค์ประกอบต่อไปนี้เป็นพื้นฐานก่อนคือ
1. สินค้าที่จะซื้อเงินผ่อน เป็นสินค้าใหม่หรือสินค้าใช้แล้ว
2. ผู้ขายสินค้าอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ เป็น บุคคล หรือ นิติบุคคล
3. ภาษีมูลค่าเพิ่มในขณะนั้นมีอัตราเท่าใด
ในกรณีสินค้าใหม่นั้น ราคาที่ผู้ขายบอกขายจะรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วทั้งสิ้น เช่น รถยนต์ใหม่ราคา 2,500,000 บาท รถจักรยานยนต์ใหม่ราคา 60,000 บาท เครื่องรับโทรทัศน์ใหม่ราคา 12,000 บาท เป็นต้น
ส่วนสินค้าใช้แล้วนั้น จะขึ้นอยู่กับผู้ขายด้วย กล่าวคือ ถ้าผู้ขายเป็นนิติบุคคลที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
ราคาของสินค้าใช้แล้วย่อมรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วเช่นกัน แต่ถ้าผู้ขายไม่ได้อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ราคาขายของสินค้าใช้แล้วนั้นไม่ได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น รถมือสองที่ขายโดยเต๊นท์รถต่าง ๆ ส่วนมากจะไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะเต๊นท์ที่ขายไม่ได้อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้น ผู้บริโภคต้องถามให้ชัดเจนว่ารวมภาษีมูลค่าเพิ่มหรือยังไม่รวม ก่อนตัดสินใจซื้อแบบเงินผ่อน สำหรับการคิดค่างวดนั้น จะขอยกตัวอย่างวิธีคิดที่ถูกต้องที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและที่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้า
ที่มีราคาขายที่ 1,600,000 บาท (ถอด VAT 7% = 1,495,327.10) เขามีวิธีคิดดังนี้ครับ:
สินค้าที่ถอดมูลค่าเพิ่มออก สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม
รถยนต์ใหม่/รถมือสอง 1,495,327.10 1,600,000
หัก เงินดาวน์ 373,831.77 400,000 (จ่ายให้เต๊นท์รถ)
เงินกู้เช่าซื้อ 1,121,495.33 1,200,000
คิดดอกเบี้ย 5% Flat 2 ปี 112,149.53 120,000
รวมยอดผ่อนชำระ 1,233,644.86 1,320,000
ค่างวดต่อเดือน (หารด้วย 24) 51,401.87 55,000
บวก ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% 3,598.13 3,850
ค่างวดต่อเดือนที่ต้องผ่อน 55,000 x 24 58,850 x 24
จะเห็นได้ว่าซื้อสินค้าจากผู้ขายที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วต้องการผ่อน จำนวนเงินที่ผ่อนจะสูงกว่าเพราะบริษัทลีสซิ่งจะต้องบวกภาษีมูลค่าเพิ่มเข้า ไปด้วยตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ประเด็นนี้ยังพอทำใจได้ ที่จะกล่าวถึงตามหัวเรื่องที่เขียนจะเกิดกับสินค้าที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มมา แต่แรกแล้ว ซึ่งจะเป็นสินค้าใหม่ จากที่เคยเห็นและรับปรึกษาให้แก่ผู้บริโภคที่เดือดร้อน เมื่อนำสัญญาเช่าซื้อที่ทำกับบริษัทลีสซิ่งและบริษัทไฟแนนซ์ทั้งใหญ่และกลาง บางแห่งมาดูพบว่ามีการบวกภาษีมูลค่าเพิ่มซ้ำเข้าไปอีกครั้ง ถือว่าเป็นการโกงผู้บริโภคโดยแท้จริง โดยการแสดงวิธีคิดที่สับสนเล็กน้อย ดังนี้ :
รถยนต์ใหม่ 1,600,000.00 (ตัวเลขรวม VAT)
หัก เงินดาวน์ 400,000.- 373,831.77 (ตัวเลขถอด VAT)
เหลือเงินกู้ 1,226,168.23
คิดดอกเบี้ย 5% Flat 2 ปี 122,616.82
รวมยอดผ่อนชำระ 1,348,785.05
ค่างวดต่อเดือน (หาร 24) 56,199.38
บวก ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% 3,933.96
ค่างวดต่อเดือนที่ต้องผ่อน 60,133.33 x 24
วิธี คิดข้างต้นใช้แบบผสมที่ไม่ถูกต้อง แต่ผู้บริโภคที่ไม่ได้ศึกษาจะไม่ทราบ และยอมผ่อนตามที่แสดงไว้
เหตุการณ์เช่นนี้มักจะเกิดกับข้อเสนอจากบริษัทลีสซิ่งและบริษัทไฟแนนซ์ที่ คิดดอกเบี้ยเช่าซื้อถูกเป็นพิเศษ
และใช้วิธีโกงข้างต้นตลบหลังบวกเพิ่มโดยผู้เช่าซื้อไม่รู้ตัว แล้วคุณล่ะ! วันนี้ได้ตรวจดูสัญญาเช่าซื้อที่ทำไว้หรือยัง คุณอาจเป็นคนหนึ่งที่โดนแล้วก็ได้…จะบอกให้ คุณต้องรู้ให้ทันพวกนี้ครับ