Subscribe

RSS Feed (xml)

Powered By

Skin Design:
Free Blogger Skins

Powered by Blogger

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

BMW กับแนวคิด ‘รักรถ รักษ์โลก’

BMW X1
บีเอ็มฯบุกมอเตอร์โชว์เต็มสูบ เปิดตัวครอสโอเวอร์ X1 เคาะราคาไม่เกิน 3.8 ล้าน งัดกลยุทธ์ไพรซิ่ง เปิดตัวซีรีส์ 7 เครื่องเบนซิน 3.0 ลิตร เคาะราคาต่ำกว่าคู่แข่งร่วม 5 แสน ส่งซีรีส์ 3 ตัวเล็กสุดลุยตลาดคอมแพ็กต์ เคาะราคาต่ำกว่ารุ่นเดิมร่วมแสน
นายมิคาเอล คอร์ดิส ประธาน บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘รักรถ รักษ์โลก’ หรือ ‘Ecology Driving Save the Earth’ ของงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 31 ทางบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยนำเสนอเทคโนโลยี Efficient Dynamics ที่เหนือชั้น ซึ่งเป็นการตอบโจทย์อย่างชัดเจน อีกทั้งยังสามารถสัมผัสได้จริงสำหรับลูกค้า เทคโนโลยี Efficient Dynamics นี้ นอกจากจะทำให้รถยนต์มีสมรรถนะสูงขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเมืองไทย สำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ BMW X1 ที่เพิ่งได้รับรางวัล ‘Off-Road of the Year’ ในคลาส Crossover จุดเด่นของ BMW X1 คือการที่มันเป็นรถแบบ Crossover ที่เน้นความสปอร์ตคล่องตัวอย่างมีสไตล์ ราคาอยู่ระหว่าง 3.5-3.8 ล้านบาท ในส่วนของมินิ ก็จะมีการจัดแสดงรถยนต์มินิรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี MINI 50 Mayfair และ Camden ซึ่งกำลังจะหยุดการผลิตในไม่ช้านี้ พร้อมกับการเปิดตัว BMW S 1000 RR ซึ่งเป็นซูเปอร์ไบค์คันแรกจากบีเอ็มดับเบิลยู การบุกตลาดอย่างครบทุกเซ็กเมนต์ในปีนี้ ทำให้บริษัทคาดว่า จะมียอดขายเติบโตไม่น้อยกว่า 10 %

BMW 740Li
“หลังจากความสำเร็จของ BMW 740Li และ BMW 730Ld ซึ่งเป็นสุดยอดรถยนต์ระดับซูเปอร์ซาลูนสำหรับเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซลในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ครั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยูได้เสริมไลน์ผลิตภัณฑ์ระดับซูเปอร์ซาลูนด้วย BMW 730Li เครื่องยนต์เบนซินที่ให้สมรรถนะสูง ที่สามารถใช้พลังงานทางเลือกแก๊สโซฮอล์ E20 ได้แล้ว มันยังเป็นรถระดับซูเปอร์ซาลูนที่มีอัตราการประหยัดน้ำมันและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดีที่สุดในคลาสคันหนึ่ง โดยตั้งราคาจำหน่ายเพียง 7.299 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาแนะนำสำหรับ 100 คันเท่านั้น และมีราคาถูกกว่าคู่แข่ง ประมาณ 500,000 บาท ”
ประธาน บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ยัง BMW 325i Sport สุดยอดแห่งสปอร์ตซีดานที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี EfficientDynamics และสามารถใช้พลังงานทางเลือกแก๊สโซ ฮอล์ E20 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 218 แรงม้า ผลิตมาจำนวนจำกัดเพียง 48 คันนี้ ในราคา 3.799 ล้านบาท พร้อมกันนี้ บริษัทยังเปิดตัว BMW 318i รุ่นเริ่มต้น ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมที่เน้นความ คุ้มค่า ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 180 นิวตัน-เมตร ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 2.299 ล้านบาท หรือลดลงจากรุ่นเดิมประมาณ 100,000 บาท
ในส่วนของแบรนด์มินิ จะเปิดตัว MINI 50 Mayfair และ MINI 50 Camden รุ่นพิเศษที่ถูกผลิตขึ้นมาในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปีนี้ โดยตั้งราคาจำหน่าย 2.6 ล้านบาทและ 3 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

TOYOTA prado 3.0 ลิตร 4.85 ล้านบาท

โตโยต้า พราโด เครื่องดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร แรงบิดมหาศาล 410 นิวตัน/เมตร ราคา 4.85 ล้าน
อัจฉรีย์ ตันติยันกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ค่ายอีตั้น อิมปอร์ท ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระรายใหญ่ กล่าวว่า จากกระแสตอบรับที่ดีในนิว พราโด รุ่น 4.0 ลิตรและ 2.7 ลิตร (เครื่องยนต์เบนซิน)ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีก่อน ทำให้บริษัทไม่ลังเลใจที่จะนำเข้านิว พราโด ดีเซลเทอร์โบ เข้ามาส่งมอบให้กับลูกค้าที่รักในสมรรถนะสูงของรถสไตล์ออฟโรด แต่หรูหราและสะดวกสบายแบบเอสยูวี พราโด ฟูลโมเดลเชนจ์ บ่งบอกถึงบุคลิกที่ดุดัน ไฟหน้าซีนอนพร้อมระบบฉีดล้างอัตโนมัติ ล้อแม็ก 18 นิ้ว ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ โดยระบบช่วงล่างเป็น KDSS สามารถปรับความสมดุลของล้อและช่วงล่างในขณะขับขี่ ทั้งยังมีระบบควบคุมการทรงตัวทั้ง VSC , A-TRC , DAC และ HAC ซึ่งระบบทั้งหมดจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายสำหรับการขับขี่ ในแบบออนโรดและออฟโรด เทคโนโลยี Multi-Terrain Select ถูกนำมาใช้ใน พราโด ใหม่เป็นครั้งแรก โดยผู้ขับสามารถเลือกระบบการทำงานที่เหมาะสมกับเส้นทางที่ใช้ เช่น โคลน ฝุ่นทราย และทางลาดชัน เพื่อให้การขับขี่ในเส้นทางออฟโรดมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการทำงานของระบบนี้คอมพิวเตอร์จะเข้าไปควบคุมการทำงานของเบรก และการส่งกำลังเครื่องยนต์อัตโนมัติให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทางในขณะนั้น จากนวัตกรรมล้ำสมัยของพราโด ใหม่ ผนวกเข้ากับความปลอดภัยในการขับขี่ จึงทำให้พราโด ใหม่ ได้รับการตอบรับทั้งจากลูกค้าเดิมที่เคยครอบครอง และยังมีลูกค้าใหม่ให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยลูกค้ากลุ่มนี้ชื่นชอบนวัตกรรมขับเคลื่อน 4 ล้อ สไตล์ SUV ที่มีเทคโนโลยี สมรรถนะ ความปลอดภัย และความเป็นรถอเนกประสงค์ที่สามารถใช้ได้จริงทั้งการขับขี่แบบออนโรด นอกจากนี้ยังมีระบบ Multi Terrain monitor กล้องอัจฉริยะ 4 ตัว ที่ช่วยในการมองเห็นรอบทิศทาง สุดยอดออฟชั่นที่มาพร้อมกับตัวรถ ห้องโดยสารภายในมีพื้นที่กว้างขวาง เบาะนั่งหนังแท้ นั่งสบายทั้ง 7 ที่นั่ง โดยเบาะแถว 3 ปรับพับขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้า หลังคาซันรูฟ ระบบมัลติมีเดีย 17 ลำโพง พร้อมจอ LCD ด้านหลัง ขนาด 9 นิ้ว มีระบบ Smart Entry และ Smart System เพิ่มความสะดวกสบายในการเปิด-ล็อคประตู โดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือรีโมท ด้านเครื่องดีเซลเทอร์โบขนาด 3.0 ลิตร ขุมพลัง 173 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 410 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที เกียร์ออโต้ 5 สปีด อัตราเร่งสูงสุด 175 กม./ชม. ค่าตัวตั้งไว้ที่ 4,850,000 บาทครับ เหมาะสำหรับคนไม่แคร์สื่อ ในยุคน้ำมันแพง

วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ระบบนำทางใช้อย่างไรไม่หลงทาง?

การใช้เนวิเกเตอร์ใน การนำทางนั้นต้องมีการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับการทำงานของซอฟต์แวร์ การแสดงผลและเสียงบอกนำทางของเครื่องก่อนจึงจะใช้งานได้อย่างดี สิ่งที่ควรทราบคือ เนื่องจากซอฟต์แวร์นำทางเกือบทั้งหมดเขียนในต่างประเทศ ซึ่งการออกแบบถนนไม่ได้เป็นแบบบ้านเรา ทำให้เกิดข้อจำกัดในการใช้งานบางอย่างขึ้น เช่น

1. ถนนยกระดับ ซึ่งในกรุงเทพมีถนนซ้อนกันพอสมควรทำให้เครื่องงงว่าเราอยู่ด้านบนหรือด้าน ล่าง แต่ในประเทศเช่นอเมริกาเท่าที่เห็นจะไม่มีการสร้างถนนยกระดับซ้อนกับถนนด้าน ล่าง การออกแบบซอฟต์แวร์จึงไม่รองรับเรื่องนี้ ซึ่งแน่นอนว่าการใช้งานนั้นไม่ควรจะดูแต่การนำทางเฉพาะหน้าเท่านั้น ควรศึกษาเส้นทางที่เครื่องเลือกให้เดินทางและจดจำเส้นทางไว้ในใจด้วย อย่าพึ่งแต่เครื่องอย่างเดียว

2. ทางแยกสะพานต่างระดับที่ซับซ้อน รวมทั้งทางต่างระดับในทางด่วนหรือมอเตอร์เวย์ ที่เพิ่งเจอเมื่อวานคือถนนวิภาวดีจะไปเซ็นทรัลลาดพร้าว ตอนนี้มีสะพานข้ามไป เนื่องจากไม่ได้ไปแถวนั้นบ่อยนักก็จะงงว่าเส้นไหนกันแน่ เพราะเริ่มจากเส้นเดียวแต่แตกออกไป 3 ทางแยก ณ จุดเดียวกัน หากฟังเสียงอย่างเดียวอาจจะหลงได้ ต้องดูเส้นนำทางประกอบรวมทั้งป้ายจราจรด้วย เช่นเดียวกับข้อแรกคือหากศึกษาเส้นทางของเครื่องก่อนก็จะดี

3. อย่าขับตามเครื่องตลอด ถ้ารู้ทางบางส่วนอยู่แล้วให้ขับตามใจเรา ถ้าเราขับตามทางที่เราชอบเครื่องจะคำนวณเส้นทางใหม่เอง พอไปบริเวณที่ไม่รู้ค่อยเชื่อเครื่อง ถ้าไม่รู้อะไรเลยก็เชื่อเครื่องตลอด

4. นำทางในเมืองอยู่ดีๆ คำนวณเส้นทางใหม่เอง แม้ว่าไม่ได้เลี้ยวผิดหรือจอดอยู่เฉยๆ อันนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้ในบริเวณตึกสูงซึ่งจะบังสัญญาณทำให้ตำแหน่งแกว่ง เครื่องก็จะงงว่าอยู่ตรงไหนกันแน่ อันนี้ก็เช่นเดียวกันให้ดูในหน้าจอสรุปเส้นทางแล้วจดจำไว้ว่าเลี้ยวที่ไหนไป อย่างไรบ้างคร่าวๆ ก็จะช่วยได้ ถ้าไม่ศึกษาเส้นทางไว้เลยมึนแน่นอนครับถ้าไปบริเวณที่มีตึกหนาแน่น

5. กฎจราจร บางครั้งอาจจะเจอว่าเครื่องบอกให้เลี้ยวขณะที่ป้ายจราจรบอกเลี้ยวไม่ได้ ก็อาจจะผิดพลาดตอนเก็บข้อมูลหรือตำรวจเปลี่ยนการจราจร ก็ต้องเชื่อป้าย

6. เสียงบอกนำทางกับเส้นนำทางไม่ตรงกัน อันนี้ก็เกิดขึ้นได้จากการโปรแกรมที่ไม่ถูกต้อง ต้องดูเส้นนำทางเป็นหลัก

7. พาเข้าซอยตัน เคยเจอหนึ่งครั้ง ก็ให้เครื่องคำนวณใหม่โดยถอยหลังกลับแล้วดูแผนที่ในเครื่องประกอบ

8. พาไปไม่ถึงจุดหมาย แต่พาอ้อมไปบริเวณใกล้เคียง อันนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการสร้างจุดหมายของเราในบริเวณที่ไม่มีถนนในแผนที่ ทำให้เครื่องคำนวณไปยังจุดที่ใกล้จุดนั้นที่สุดตามข้อมูลแผนที่ ดังนั้นจะสร้างตำแหน่งบ้านหรือจุดอื่นๆ เอง ให้ดูว่ามีถนนหน้าบ้านหรือไม่ ถ้าไม่มีให้ไปสร้างตำแหน่งที่มีถนนบริเวณเป็นจุดสุดท้ายซึ่งใกล้และเป็นถนน ที่ไปยังจุดหมาย

9. เส้นทางที่เครื่องเลือกให้ไม่ถูกใจ ทำไงดี มี 2 ทางคือ ส่วนที่รู้ให้ขับตามทางที่เราชอบเครื่องจะคำนวณเส้นทางใหม่เอง พอไปบริเวณที่ไม่รู้ค่อยเชื่อเครื่อง ที่เป็นเช่นนี้เพราะเครื่องไม่มีข้อมูลจราจรมาประกอบนอกจากความเร็วเฉลี่ย ที่ถูกโปรแกรมมาเป็นค่าคงที่ แต่ถ้าเมื่อใดมีข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์มาประกอบเชื่อเครื่องน่าจะดีกว่า ครับ อีกวิธีก็ใช้การแต่งเส้นทางโดยสร้างจุดแวะให้เครื่องวิ่งไปในทางที่ชอบ หรือเครื่องที่สร้างเส้นทางได้ก็สร้างเส้นทางเก็บเอาไว้

ทั้งนี้ก็สรุปได้ว่าเนวิเกเตอร์เป็น เครื่องช่วยในการนำทางแต่ผู้ขับขี่ก็คือผู้กุมพวงมาลัย และเป็นผู้นำทางตัวจริง อย่าทิ้งความสามารถนี้ไปและพึ่งแต่เครื่อง ให้ศึกษาเส้นทางที่เครื่องแนะนำก่อนออกเดินทาง ดูในจุดที่น่าจะเป็นปัญหา จดจำเส้นทางคร่าวๆไว้เองด้วย และหากไปไกลศึกษาแผนที่กระดาษประกอบด้วยก็จะใช้เนวิเกเตอร์ได้อย่างมีความสุขครับ

เนวิเกเตอร์ ที่เหมาะสมกับคนไทย

สำหรับผู้ที่มองหาเนวิเกเตอร์ไว้ใช้สักเครื่องคงจะเคยได้ยินเนวิเกเตอร์ยี่ห้อการ์มินมาบ้าง ยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้อที่ทำจีพีเอสมาเป็นเวลานาน และเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ขายจีพีเอสในประเทศของเรา อย่างไรก็ตาม จีพีเอส ของการ์มินจะมีราคาสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ บ้าง แต่เมื่อปีที่แล้วประมาณช่วงนี้ การ์มินก็แนะนำเนวิเกเตอร์รุ่นนูวี่ 200 เข้าสู่ตลาด ซึ่งเป็นรุ่นแรกของ การ์มินในเมืองไทยที่มีราคาต่ำกว่า 2 หมื่นบาท ทำให้คนจำนวนมากที่สนใจสินค้าไอทีหามาเป็นเจ้าของกันจำนวนพอสมควร โดยในช่วงเวลานั้นอีกแบรนด์คือ มีโอ้ ก็ทำตลาดกับรุ่นใกล้เคียงกันในราคาที่ต่ำกว่า

เหตุผลที่ต้องมีการพูดถึงอดีตก็เพราะจากข้อมูลที่ทราบมาถือได้ว่านูวี่ 200 เป็นตัวสตาร์ทเนวิเกเตอร์เข้าสู่ตลาดแมสมากขึ้นเพราะสนนราคาที่คนทั่วไปพอ เอื้อมถึง ซึ่งมีองค์ประกอบที่พอเหมาะนอกจากเรื่องราคาแล้วยังมีหน้าจอแบบสัมผัส เมนู แผนที่ เสียงบอกนำทางเป็นภาษาไทย แผนที่ดี เมนูใช้ง่าย

วันนี้น้องใหม่ที่ออกมาแทนนูวี่ 200 ก็คือ นูวี่ 205 ซึ่งมีการเปิดตัวเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนในสนนราคาที่เท่าเดิมคือ 12,700 บาท มาลองดูกันว่าในหนึ่งปี การ์มินพัฒนาอะไรให้กับเนวิเกเตอร์ที่เป็น entry level รุ่นนี้ ถ้าเป็นรถก็คงเหมือนยาริสหรือแจ๊ซนั่นเอง

ด้านฮาร์ดแวร์ นูวี่ 205 ใช้ชิพประมวลผลจีพีเอสความไวสูงที่ใช้เทคโนโลยี HotFix ซึ่งทำให้การล็อกดาวเทียมเพื่อหาตำแหน่งในตอนเปิดเครื่องใหม่ๆ เป็นไปได้เร็วขึ้นกว่าชิพความไวสูงรุ่นก่อนๆ เทคโนโลยีนี้ก็จะช่วยให้การใช้งานเมืองดีขึ้นโดยเฉพาะตอนออกจากบ้าน ยามเช้าหรืออีกจากที่ทำงานในยามเย็น หน่วยความจำภายในมีมากขึ้นเท่าตัวจาก 500 MB เป็น 1 GB ซึ่งก็ดีในการใส่แผนที่ประเทศอื่นๆ เข้าไป


สำหรับแผนที่ไทยใช้เนื้อที่แค่ 80 กว่า MB ในเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด หรือใส่รูปภาพเข้าก็ได้เยอะขึ้น นอกจากนั้นก็มีการเปลี่ยนรูปแบบหน่วยความจำภายนอกจาก SD มาเป็น micro-SD แทน และหน้าจอที่มีความละเอียดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รูปลักษณ์ภายนอกก็ดูเหมือนเดิมยกเว้นสี่ที่เปลี่ยนจากสีเงินเป็นสีเทา อุปกรณ์ติดรถก็เป็นแบบรุ่นเดิม

ส่วนของซอฟต์แวร์ เป็นส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดสำหรับนูวี่รุ่นนี้ โดยมีฟังก์ชันที่เพิ่มขึ้นหรือปรับปรุงดังนี้ ที่ใช้ประจำเก็บได้มาถึง 1,000 จุด สามารถเก็บเส้น track ได้ ซึ่งเนวิเกเตอร์รุ่นก่อนๆ ไม่มียกเว้น นูวี่ 710 ซึ่งนำไปแสดงบน Google Earth ได้และเหมาะสำหรับกลุ่มออฟโรด

จุดแวะสร้างได้เป็นจำนวนมากคล้ายกับการสร้างเส้นทาง (route) แต่เก็บบันทึกไว้ไม่ได้ สร้างหมวดหมู่ของที่ใช้ประจำได้อันนี้นูวี่ไม่เคยมีมาก่อน นำทางด้วยรูป (ต่อกับ Garmin Connect หรือบันทึกคู่กับรูปที่มีอยู่ในเครื่อง) อันนี้ก็เป็นฟังก์ชันที่ผมงงว่า ทำมาไม่เสร็จหรือเปล่าไม่เหมือนรุ่นที่เคยลองที่เอารูป geo-tagged มาใส่แล้วนำทางได้ อันนี้ใส่แล้วนำทางไม่ได้ ฟังก์ชันตำแหน่งปัจจุบัน? ซึ่งจะบอกพิกัดปัจจุบันที่อยู่ที่ใกล้ที่สุด แยกที่ใกล้ที่สุดโรงพยาบาลสถานีตำรวจและปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุด รูปรถที่แสดงตำแหน่งของเรา แบบใหม่ที่ขยับได้แทนที่จะเป็นรูปแบบทื่อๆ เหมือนเดิม

นอกจากนี้ข้อมูลบนหน้าจอก็มีการปรับปรุงให้ข้อมูลชัดเจนมากขึ้น เช่น บอกการเลี้ยวจุดข้างหน้าโดยมีลูกศรบนหน้าจอ และยังมีการแสดงข้อมูลการเดินทางเมื่อเลือกจุดหมายแล้ว ซึ่งก็จะบอกถึงระยะทางและเวลาในการเดินทางอีกด้วย เมนูการใช้งานก็มีการเปลี่ยนไอคอนให้ดูทันสมัยมากขึ้น รวมทั้งปรับอะไรที่ไม่ค่อยเหมาะให้ดีขึ้น ในด้านการนำทางก็มีการแนะนำเส้นทางที่ดีขึ้นบ้าง

ในเรื่องแผนที่ที่มากับเครื่องรุ่นนี้มีการปรับปรุงขึ้นอีกเล็กน้อยคือ เสริมเส้นถนนวงแหวนอุตสาหกรรมจากบางนาไปพระราม 2 และมีขนาดเล็กลง ซึ่งแผนที่นี้มีการแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ หรือไม่ ต้องขอทดสอบดูอีกสักระยะก่อนจะหาข้อสรุปได้ ก็หวังใจว่าจะมีการปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เคยบอกว่าแผนที่นั้นไม่มีแผนที่ใดในประเทศใดเมืองใดสมบูรณ์ร้อย เปอร์เซ็นต์

โดยสรุป นูวี่ 205 เป็นจีพีเอสที่มีการปรับปรุงทั้งลูกเล่นและความสามารถให้ดีขึ้น มีความสามารถหลายอย่างที่แปลกใจว่ามีในเครื่องรุ่นเล็กแบบนี้ด้วย การใช้งานก็สะดวกและดีขึ้นพอควรทีเดียว ซึ่งก็น่าจะทำให้คนที่มีรุ่นเดิมอยู่แล้วสนใจได้อย่างแน่นอน และคนที่เข้ามาใหม่ก็ถือว่าคุ้มแน่นอนเพราะได้ของดีขึ้นในราคาที่เท่าเดิม สุดท้ายก็หวังว่าประเทศของเราจะเดินไปในทางที่ดีขึ้นในระยะยาว