มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เทคโนโลยี CGI และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทคโนโลยี CDI โดย 2 เครื่องยนต์ใหม่ผลิตภายใต้แนวคิด BlueEFFICIENCY ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและช่วยลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมทัพในตระกูล C-Class ส่งรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดรถหรูพร้อมกันถึง 2 รุ่น คือ C 200 CGI BlueEFFICIENCY และ C 250 CDI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE ชูเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม BlueEFFICIENCY ของยนตรกรรม C-Class นอกจากนี้เครื่องยนต์ทั้ง 2 รุ่น ผลิตมาเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในตลาดประเทศไทยรวมถึงชนิดของน้ำมันด้วย ลูกค้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาต่อเครื่องยนต์ใน อนาคต C 200 CGI BlueEFFICIENCY มี สไตล์การตกแต่งให้เลือก 3 แบบ คือ C 200 CGI BlueEFFICIENCY, C 200 CGI BlueEFFICIENCY ELEGANCE และ C 200 CGI BlueEFFICIENCY AVANTGARD โดยทั้ง 3 แบบมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินใหม่ ที่ให้พละกำลังและความเร้าใจในการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ CGI แถวเรียง 4 สูบ ขนาดความจุ 1,796 ซีซี ให้พละกำลังเครื่องยนต์ 135กิโลวัตต์ 184 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที แรงบิด 270 นิวตันเมตร ที่ความเร็ว 1,800 – 4,600 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100กิโลเมตรภายในเวลา 8.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 232 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเครื่องยนต์ CGI นี้จะประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง 10 เปอร์เซ็นต์ มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยเพียง 13 กิโลเมตร/ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซค์จากท่อไอเสียที่ 168-184 กรัม/กิโลเมตร และสามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซิน E10 และ E 20
C 250 CDI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE มา พร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ คอมมอนเรลเจเนเรชั่นที่ 4 ควบคุมการจ่ายเชื้อเพลิงแรงดันสูงได้อย่างแม่นยำด้วยหัวฉีด piezo injector พร้อมแรงดันในรางน้ำมันที่สูงถึง 2,000บาร์และแรงอัดอากาศจากเทอร์โบ 2 ชุด ที่ให้ประสิทธิภาพทั้งแรงม้าแรงบิดแรงขึ้นกว่าเดิม เครื่องยนต์ใหม่รุ่นนี้จะทำงานราบเรียบ นุ่มนวลและเงียบมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 12 เปอร์เซ็นต์ C 250 CDI BlueEFFICIENCY มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบชาร์จความจุ 2,143 ซีซีให้พละกำลังเครื่องยนต์ 150 กิโลวัตต์ที่ 204 แรงม้า ที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ความเร็ว 1,600 - 1,800 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชม.ภายใน 7 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง สิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยเพียง 17 กิโลเมตร/ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซค์จากท่อไอเสียที่ 153-167 กรัม/กิโลเมตร“เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้พัฒนายนตรกรรมในรุ่น C-Class มาโดยตลอด เพื่อตอบรับนโยบายของบริษัทในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่าง ยั่งยืน ด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์ที่ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้สูงยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี Blue EFFICIENCY ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้บรรจุไว้ทั้งในแบบเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล”
ด้านความปลอดภัย C-Class โดดเด่นด้วยระบบPRE-SAFE® ระบบความปลอดภัยเพื่อการปกป้องก่อนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นนวัตกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่กวาดรางวัล มาแล้วมากมาย ระบบนี้จะสั่งใช้มาตรการปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทำงานร่วมกันกับระบบช่วยเบรกBrake Assistและโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP®) ที่จะประเมินได้ว่าอาจเกิดอุบัติเหตุ ก็จะสั่งให้ระบบ PRE-SAFE® ทำ งานด้วยการปรับเข็มขัดนิรภัยพร้อมปรับเบาะนั่ง ให้อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมที่จะปะทะกับอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัย 10 ตำแหน่ง ซึ่งติดตั้งอยู่ในจุดสำคัญต่างๆ เช่นบริเวณด้านหน้า 2 ตำแหน่งด้านข้าง 4 ตำแหน่งและ ม่านถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่งเสริมความมั่นใจด้วยเข็มขัดนิรภัยแบบผ่อนแรงและรั้งกลับ
นอกจากนี้ C-Class ได้ติดตั้งระบบกันสะเทือนและระบบพวงมาลัยแบบ AGILITY CONTROL นวัตกรรมล่าสุดที่ช่วยให้การขับขี่เป็นไปแบบคล่องแคล่วปราดเปรียว พร้อมทั้งสามารถบังคับการควบคุมได้แม่นยำและเที่ยงตรงมากขึ้นด้วย แต่คงความนุ่มนวลและมีการทรงตัวอย่างดีเยี่ยมด้วยโช้คอัพที่สามารถปรับการทำ งานแบบอัตโนมัติ ให้เหมาะกับทุกสถานการณ์ของการขับขี่และสภาพของถนนที่เปลี่ยนไป และจะทำงาน ให้สัมพันธ์กันกับทุกสไตล์ของการขับขี่ จึงได้สัมผัสอารมณ์สนุกการขับขี่มากขึ้นด้วย
ด้วยคุณสมบัติเรื่องสมรรถนะและประสิทธิภาพของการขับขี่ทำให้ C-Class ได้รับรางวัลมากมายในหลากหลายสาขาจากทั่วโลก เช่น C-Class เป็นรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเป็นรุ่นแรกในเซ็กเม้นท์เดียวกัน ที่ได้รับประกาศนียบัตรถรักษาสิ่งแวดล้อมดีเด่น (ISO-Norm14062) จาก German Technical Inspection Authority ประเทศเยอรมนี รางวัลจากหน่วยงาน Insurance Institute for Highway Safety (IIHS) ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้เป็นรถที่มีความปลอดภัยสูงสุดในเซ็กเม้นท์เดียวกัน ที่สำคัญยังได้รับการจัดลำดับให้เป็นรถที่มีความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาวจากการทดสอบการชนของ Euro NCAP อีกด้วย
C 250 CDI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE มา พร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ คอมมอนเรลเจเนเรชั่นที่ 4 ควบคุมการจ่ายเชื้อเพลิงแรงดันสูงได้อย่างแม่นยำด้วยหัวฉีด piezo injector พร้อมแรงดันในรางน้ำมันที่สูงถึง 2,000บาร์และแรงอัดอากาศจากเทอร์โบ 2 ชุด ที่ให้ประสิทธิภาพทั้งแรงม้าแรงบิดแรงขึ้นกว่าเดิม เครื่องยนต์ใหม่รุ่นนี้จะทำงานราบเรียบ นุ่มนวลและเงียบมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 12 เปอร์เซ็นต์ C 250 CDI BlueEFFICIENCY มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบชาร์จความจุ 2,143 ซีซีให้พละกำลังเครื่องยนต์ 150 กิโลวัตต์ที่ 204 แรงม้า ที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ความเร็ว 1,600 - 1,800 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชม.ภายใน 7 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง สิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยเพียง 17 กิโลเมตร/ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซค์จากท่อไอเสียที่ 153-167 กรัม/กิโลเมตร“เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้พัฒนายนตรกรรมในรุ่น C-Class มาโดยตลอด เพื่อตอบรับนโยบายของบริษัทในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่าง ยั่งยืน ด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์ที่ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้สูงยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี Blue EFFICIENCY ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้บรรจุไว้ทั้งในแบบเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล”
ด้านความปลอดภัย C-Class โดดเด่นด้วยระบบPRE-SAFE® ระบบความปลอดภัยเพื่อการปกป้องก่อนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นนวัตกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่กวาดรางวัล มาแล้วมากมาย ระบบนี้จะสั่งใช้มาตรการปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทำงานร่วมกันกับระบบช่วยเบรกBrake Assistและโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP®) ที่จะประเมินได้ว่าอาจเกิดอุบัติเหตุ ก็จะสั่งให้ระบบ PRE-SAFE® ทำ งานด้วยการปรับเข็มขัดนิรภัยพร้อมปรับเบาะนั่ง ให้อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมที่จะปะทะกับอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัย 10 ตำแหน่ง ซึ่งติดตั้งอยู่ในจุดสำคัญต่างๆ เช่นบริเวณด้านหน้า 2 ตำแหน่งด้านข้าง 4 ตำแหน่งและ ม่านถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่งเสริมความมั่นใจด้วยเข็มขัดนิรภัยแบบผ่อนแรงและรั้งกลับ
นอกจากนี้ C-Class ได้ติดตั้งระบบกันสะเทือนและระบบพวงมาลัยแบบ AGILITY CONTROL นวัตกรรมล่าสุดที่ช่วยให้การขับขี่เป็นไปแบบคล่องแคล่วปราดเปรียว พร้อมทั้งสามารถบังคับการควบคุมได้แม่นยำและเที่ยงตรงมากขึ้นด้วย แต่คงความนุ่มนวลและมีการทรงตัวอย่างดีเยี่ยมด้วยโช้คอัพที่สามารถปรับการทำ งานแบบอัตโนมัติ ให้เหมาะกับทุกสถานการณ์ของการขับขี่และสภาพของถนนที่เปลี่ยนไป และจะทำงาน ให้สัมพันธ์กันกับทุกสไตล์ของการขับขี่ จึงได้สัมผัสอารมณ์สนุกการขับขี่มากขึ้นด้วย
ด้วยคุณสมบัติเรื่องสมรรถนะและประสิทธิภาพของการขับขี่ทำให้ C-Class ได้รับรางวัลมากมายในหลากหลายสาขาจากทั่วโลก เช่น C-Class เป็นรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเป็นรุ่นแรกในเซ็กเม้นท์เดียวกัน ที่ได้รับประกาศนียบัตรถรักษาสิ่งแวดล้อมดีเด่น (ISO-Norm14062) จาก German Technical Inspection Authority ประเทศเยอรมนี รางวัลจากหน่วยงาน Insurance Institute for Highway Safety (IIHS) ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้เป็นรถที่มีความปลอดภัยสูงสุดในเซ็กเม้นท์เดียวกัน ที่สำคัญยังได้รับการจัดลำดับให้เป็นรถที่มีความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาวจากการทดสอบการชนของ Euro NCAP อีกด้วย