การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถยนต์สายพันธุ์อเมริกัน Ford Fiesta เมื่อเดือน กันยายน 2553 ถือว่าเป็นการเปิดเกมรุกในตลาดรถกลุ่มคอมแพ็ค อย่างชัดเจน ทำให้ความนิยมของกลุ่มรถเล็กนั้น ฟอร์ดต้องทำการบ้านมาเป็นอย่างดีและทุ่มเทอย่างหนัก เพราะค่ายนี้มีเจ้าซิตี้คาร์ตัวจี๊ด ที่คนทางฝั่งประเทศแถบยุโรปเขายกนิ้วให้แถมกวาดรางวัลมาแล้วมากมาย
ภายนอกสปอร์ตเต็มตัว
Ford Fiesta เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่สวยหรูแบบสปอตทุกกระเบียด มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ก่อนจะพาบรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายไปลองขับกันมาแล้วที่ไข่มุกอันดามัน นับว่าเป็นเกมการตลาดที่ ฟอร์ดจัดรถรุ่นนี้มาเป็นตัวชูโรงประจำค่ายเลยก็ว่าได้
ภายนอกเฟียสต้า มันมาพร้อมตัวเลือก 2 แบบ 2 สไตล์ กับ ซีดาน 4 ประตู และแฮทแบ็ค 5 ประตู ที่ได้รับการดีไซน์ให้มีความโดดเด่นในมาดสปอร์ตตั้งแต่ใบหน้าที่เริ่มจากจุด เด่นกลางกันชนกับตรา “บลู โอวอล” เอกลักษณ์ของค่าย ลากเส้ยสายผ่านกันชนหน้าจรดไฟหน้าแบบสปอร์ต ก่อนขัดเกลาให้มีความโค้งมลดูลู่ลม ส่งแรงลมกระจายออกสู่พื้นที่ตัวถังผ่านประตูข้าง 4 บาน ไปยังบั้นท้ายด้วยไฟท้ายแบบสปอร์ต ที่ลงตัวด้วยมนต์เสน่ห์ 4 ประตู และ 5 ประตู ที่ทั้ง 2 มีลักษณะค่อนข้างโค้งมลคล้ายคลึงกัน ทั้งหมดมาพร้อมล้อแม็ก ที่ต่างกัน 3 แบบ3 สไตล์ ลงตัวด้วยยางที่คอยวัดพื้นมาตรฐานเริ่มต้นที่ขนาด 185/50/R15 ส่วนรุ่นท๊อปจะมาพร้อม 195/50 และล้อขอบ 16 นิ้ว
ภายในเนี๊ยบ แบบเรียบง่ายแฝงความไฮเทค
ภายในห้องโดยสาร คุณจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมาดสปอร์ตของเฟียสต้ามากยิ่งขึ้น กับการออกแบบภายในที่เน้นโทนสีเทาดำตัดสลับกับสีเงา ซึ่งเมื่อมองถึงองค์รวมในห้องโดยสารมันก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น การออกแบบเน้นพื้นที่ใช้สอย ซึ่งฟอร์ดรุ่นนี้ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานตัวใหญ่ (พวกฝรั่ง) ทำให้แลดูกว้างสบายมากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับคนเอเชีย ไม่ว่าจะพื้นที่เหนือหัว หรือช่วงขา ต่างนั่งแล้วดูลงตัวพอดี อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ก็จัดมาให้อย่างครบครัน ลงตัวแบบไม่มีที่ติ เริ่มตั้งแต่ระบบปรับอากาศที่จัดวางไว้ในตรงกลางคอนโซลหน้า เหนือขึ้นมาจะเป็นวิทยุ CD /Mp3 พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB เสียบฟังเพลงได้สบายทุกเส้นทาง และทั้งหมดยังสามารถควบคุมได้บนพวงมาลัย ช่วยให้ไม่ต้องละสายตาจากถนน หรือถ้าหากคุณ กำลังมองหาถึงฟังชั่นการสั่งงานด้วยเสียง ที่เราเห็นกันในโฆษณาทางโทรทัศน์ อันนี้เห็นทีต้องจ่ายเงินแพงขึ้นสักหน่อย เพราะ ออพชั่นนี้จะมาเฉพาะในรุ่น sport เท่า นั้น ซึ่งการสั่งงานนั้นต้องใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้นด้วย ซึ่งแม้จะมีข้อดีที่มันทำให้คุณดูไฮโซ แต่คุณต้องคุยกับรถเป็นภาษาอังกฤษ และที่หนักไปกว่านั้นกับฟังชั่นรับโทรศัพท์ ที่ เฟียสต้าสามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณบลูทูธของโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้นั้น จงจำไว้โดยเฉพาะสำหรับใครที่มีความลับเยอะๆ เพราะเสียงบทสนทนาจะได้ยินกันทั้งห้องโดยสารเลยทีเดียว
ขุมพลังเร้าใจ เต็มสมรรถนะ
เรื่องเครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงของเฟียสต้า ดีกรีขับสนุกนั้นไว้ใจได้กับขุมพลัง Duratec1.4 ลิตร ให้พละกำลังสุงสุด 95 แรงม้าที่ 5750 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 126 นิวตันเมตรที่ 4200 รอบ และ 1.6 ลิตรที่มาพร้อมระบบ Ti-VCT ระบบแปรผันแคมชาร์ฟแบบอิสระคู่ ทำให้สามารถรีดแรงม้าได้ดีกว่าและให้มากถึง 121 แรงม้าที่ 6000 รอบต่อนาที ขณะที่แรงบิดสามารถทำได้ 151 ที่ 4050 รอบต่อนาที เครื่องยนต์อันทรงพลังนี้จะมาพร้อมระบบส่งกำลังที่แตกต่างกันไปตามรุ่นรถ โดยในเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร มันจะมาพร้อมระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ Sport sequential Shift 4 สปีด ที่สามารถตอบสนองต่อเครื่องยนต์ขนาดดังกล่าวได้ดีอยู่แล้ว ในทางกลับกันเครื่องยนต์บล็อกใหญ่ขนาด 1.6 ลิตร ที่มาพร้อมฝูงม้ากว่า 121 ตัว กลับมาพร้อมระบบเกียร์ Power shift 6 สปี ด ที่ตอบสนองการขับขี่ดีกว่าระบบเกียร์อัตโนมัติทั่วไป ด้วยระบบคลัทช์คู่ทำให้เปลี่ยนอัตราทดเกียร์ได้ไวกว่า และที่สำคัญเบื้องหลังทางเทคนิคของเกียร์ที่ว่านี้ มันมาจากค่าย GETRAG ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน และการดูแลรักษาที่ง่าย
อย่างไรก็ดีแม้ว่าเกียร์ Power Shift อาจถือได้ว่ามันเป็นตัวชูโรงที่สำคัญทางด้านสมรรถนะการขับขี่ของค่ายฟอร์ด และก่อนหน้านี้ เกียร์รุ่นนี้ก็เคยประจำการมาแล้วในรุ่น Ford focus Tdi เครื่องดีเซล แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่างในโฟกัสกับเฟียสต้าอย่างชัดเจน คือรูปแบบตำแหน่งเกียร์ที่ใน Fiesta นั้นคุณจะไม่สามารถเลือกตำแหน่งเปลี่ยนเกียร์ได้ แบบ Triptronics เหมือนในโฟกัส แต่จะมีเพียงปุ่ม Overdrive ไว้ให้สัมผัสกดสั่งเครื่องยนต์เร่งตามใจยามต้องการ
สุดท้ายเรื่องความปลอดภัยหายห่วง...
เมื่อพูดถึงความแรงกันไปแล้ว เราคงต้องมาดูเรื่องความปลอดภัยภายในห้องโดยสารกันบ้านที่ทางค่าย ฟอร์ดก็จัดมาให้อย่างครบครัน ตั้งแต่ระบบป้องกันล้อล็อค ABS และกระจายแรงแบรก EBD ก็ติดตั้งมาให้อย่างครบครันในทุกรุ่น เช่นเดียวกับไฟเบรกดวงที่3 คานกันกระแทกด้านข้าง และถุงลมนิรภัยด้านฝั่งคนขับ แต่หากคุณรักตุ๊กตาหน้ารถมากก็ต้องมองในรุ่น Trend ขึ้นไป ที่มาพร้อมเครื่อง 1.6 ลิตร คุณก็จะพบว่ามันมีถุงลมนิรภัยทางฝั่งคนนั่ง เช่นเดียวกับระบบควบคุมการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และ การช่วยออกตัวในพื้นที่ทางลาดชัน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นเทคโนโลยีในรถรุ่นใหญ่ ซึ่งสามารถพบได้ในรถเล็กอย่างเฟียสต้า
สมรรถนะของ Ford Fiesta
Fiesta 5 ประตู Style AT
ราคา 574,000 บาท1.4 ลิตร Duratec
4 สูบแถวเรียง DOHC 16V
ระบบเกียร์อัตโนมัติ Sequential Sports Shift
Fiesta 5 ประตู 1.6 Trend PowerShift®
ราคา 654,000 บาท1.6 ลิตร Duratec Ti-VCT
4 สูบแถวเรียง DOHC 16V
ระบบเกียร์อัตโนมัติ PowerShift® 6 สปีด
Fiesta 5 ประตู 1.6 Sport PowerShift®
ราคา 699,000 บาท1.6 ลิตร Duratec Ti-VCT
4 สูบแถวเรียง DOHC 16V
ระบบเกียร์อัตโนมัติ PowerShift® 6 สปีด
Fiesta 4 ประตู Style MT
ราคา 529,000 บาท1.4 ลิตร Duratec
4 สูบแถวเรียง DOHC 16V
ระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
Fiesta 4 ประตู Style AT
ราคา 564,000 บาท1.4 ลิตร Duratec
4 สูบแถวเรียง DOHC 16V
ระบบเกียร์อัตโนมัติ Sequential Sports Shift
Fiesta 4 ประตู 1.6 Trend PowerShift®
ราคา 644,000 บาท1.6 ลิตร Duratec Ti-VCT
4 สูบแถวเรียง DOHC 16V
ระบบเกียร์อัตโนมัติ PowerShift® 6 สปีด
Fiesta 4 ประตู 1.6 Sport PowerShift®
ราคา 699,000 บาท1.6 ลิตร Duratec Ti-VCT
4 สูบแถวเรียง DOHC 16V
ระบบเกียร์อัตโนมัติ PowerShift® 6 สปีด