โตโยต้า พราโด เครื่องดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร แรงบิดมหาศาล 410 นิวตัน/เมตร ราคา 4.85 ล้าน
อัจฉรีย์ ตันติยันกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ค่ายอีตั้น อิมปอร์ท ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระรายใหญ่ กล่าวว่า จากกระแสตอบรับที่ดีในนิว พราโด รุ่น 4.0 ลิตรและ 2.7 ลิตร (เครื่องยนต์เบนซิน)ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีก่อน ทำให้บริษัทไม่ลังเลใจที่จะนำเข้านิว พราโด ดีเซลเทอร์โบ เข้ามาส่งมอบให้กับลูกค้าที่รักในสมรรถนะสูงของรถสไตล์ออฟโรด แต่หรูหราและสะดวกสบายแบบเอสยูวี พราโด ฟูลโมเดลเชนจ์ บ่งบอกถึงบุคลิกที่ดุดัน ไฟหน้าซีนอนพร้อมระบบฉีดล้างอัตโนมัติ ล้อแม็ก 18 นิ้ว ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ โดยระบบช่วงล่างเป็น KDSS สามารถปรับความสมดุลของล้อและช่วงล่างในขณะขับขี่ ทั้งยังมีระบบควบคุมการทรงตัวทั้ง VSC , A-TRC , DAC และ HAC ซึ่งระบบทั้งหมดจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายสำหรับการขับขี่ ในแบบออนโรดและออฟโรด เทคโนโลยี Multi-Terrain Select ถูกนำมาใช้ใน พราโด ใหม่เป็นครั้งแรก โดยผู้ขับสามารถเลือกระบบการทำงานที่เหมาะสมกับเส้นทางที่ใช้ เช่น โคลน ฝุ่นทราย และทางลาดชัน เพื่อให้การขับขี่ในเส้นทางออฟโรดมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการทำงานของระบบนี้คอมพิวเตอร์จะเข้าไปควบคุมการทำงานของเบรก และการส่งกำลังเครื่องยนต์อัตโนมัติให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทางในขณะนั้น จากนวัตกรรมล้ำสมัยของพราโด ใหม่ ผนวกเข้ากับความปลอดภัยในการขับขี่ จึงทำให้พราโด ใหม่ ได้รับการตอบรับทั้งจากลูกค้าเดิมที่เคยครอบครอง และยังมีลูกค้าใหม่ให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยลูกค้ากลุ่มนี้ชื่นชอบนวัตกรรมขับเคลื่อน 4 ล้อ สไตล์ SUV ที่มีเทคโนโลยี สมรรถนะ ความปลอดภัย และความเป็นรถอเนกประสงค์ที่สามารถใช้ได้จริงทั้งการขับขี่แบบออนโรด นอกจากนี้ยังมีระบบ Multi Terrain monitor กล้องอัจฉริยะ 4 ตัว ที่ช่วยในการมองเห็นรอบทิศทาง สุดยอดออฟชั่นที่มาพร้อมกับตัวรถ ห้องโดยสารภายในมีพื้นที่กว้างขวาง เบาะนั่งหนังแท้ นั่งสบายทั้ง 7 ที่นั่ง โดยเบาะแถว 3 ปรับพับขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้า หลังคาซันรูฟ ระบบมัลติมีเดีย 17 ลำโพง พร้อมจอ LCD ด้านหลัง ขนาด 9 นิ้ว มีระบบ Smart Entry และ Smart System เพิ่มความสะดวกสบายในการเปิด-ล็อคประตู โดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือรีโมท ด้านเครื่องดีเซลเทอร์โบขนาด 3.0 ลิตร ขุมพลัง 173 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 410 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที เกียร์ออโต้ 5 สปีด อัตราเร่งสูงสุด 175 กม./ชม. ค่าตัวตั้งไว้ที่ 4,850,000 บาทครับ เหมาะสำหรับคนไม่แคร์สื่อ ในยุคน้ำมันแพง
อัจฉรีย์ ตันติยันกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ค่ายอีตั้น อิมปอร์ท ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระรายใหญ่ กล่าวว่า จากกระแสตอบรับที่ดีในนิว พราโด รุ่น 4.0 ลิตรและ 2.7 ลิตร (เครื่องยนต์เบนซิน)ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีก่อน ทำให้บริษัทไม่ลังเลใจที่จะนำเข้านิว พราโด ดีเซลเทอร์โบ เข้ามาส่งมอบให้กับลูกค้าที่รักในสมรรถนะสูงของรถสไตล์ออฟโรด แต่หรูหราและสะดวกสบายแบบเอสยูวี พราโด ฟูลโมเดลเชนจ์ บ่งบอกถึงบุคลิกที่ดุดัน ไฟหน้าซีนอนพร้อมระบบฉีดล้างอัตโนมัติ ล้อแม็ก 18 นิ้ว ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ โดยระบบช่วงล่างเป็น KDSS สามารถปรับความสมดุลของล้อและช่วงล่างในขณะขับขี่ ทั้งยังมีระบบควบคุมการทรงตัวทั้ง VSC , A-TRC , DAC และ HAC ซึ่งระบบทั้งหมดจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายสำหรับการขับขี่ ในแบบออนโรดและออฟโรด เทคโนโลยี Multi-Terrain Select ถูกนำมาใช้ใน พราโด ใหม่เป็นครั้งแรก โดยผู้ขับสามารถเลือกระบบการทำงานที่เหมาะสมกับเส้นทางที่ใช้ เช่น โคลน ฝุ่นทราย และทางลาดชัน เพื่อให้การขับขี่ในเส้นทางออฟโรดมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการทำงานของระบบนี้คอมพิวเตอร์จะเข้าไปควบคุมการทำงานของเบรก และการส่งกำลังเครื่องยนต์อัตโนมัติให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทางในขณะนั้น จากนวัตกรรมล้ำสมัยของพราโด ใหม่ ผนวกเข้ากับความปลอดภัยในการขับขี่ จึงทำให้พราโด ใหม่ ได้รับการตอบรับทั้งจากลูกค้าเดิมที่เคยครอบครอง และยังมีลูกค้าใหม่ให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยลูกค้ากลุ่มนี้ชื่นชอบนวัตกรรมขับเคลื่อน 4 ล้อ สไตล์ SUV ที่มีเทคโนโลยี สมรรถนะ ความปลอดภัย และความเป็นรถอเนกประสงค์ที่สามารถใช้ได้จริงทั้งการขับขี่แบบออนโรด นอกจากนี้ยังมีระบบ Multi Terrain monitor กล้องอัจฉริยะ 4 ตัว ที่ช่วยในการมองเห็นรอบทิศทาง สุดยอดออฟชั่นที่มาพร้อมกับตัวรถ ห้องโดยสารภายในมีพื้นที่กว้างขวาง เบาะนั่งหนังแท้ นั่งสบายทั้ง 7 ที่นั่ง โดยเบาะแถว 3 ปรับพับขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้า หลังคาซันรูฟ ระบบมัลติมีเดีย 17 ลำโพง พร้อมจอ LCD ด้านหลัง ขนาด 9 นิ้ว มีระบบ Smart Entry และ Smart System เพิ่มความสะดวกสบายในการเปิด-ล็อคประตู โดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือรีโมท ด้านเครื่องดีเซลเทอร์โบขนาด 3.0 ลิตร ขุมพลัง 173 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 410 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที เกียร์ออโต้ 5 สปีด อัตราเร่งสูงสุด 175 กม./ชม. ค่าตัวตั้งไว้ที่ 4,850,000 บาทครับ เหมาะสำหรับคนไม่แคร์สื่อ ในยุคน้ำมันแพง
ถ้ามีตังมันก็ไม่แพงนะ
ตอบลบ