Subscribe

RSS Feed (xml)

Powered By

Skin Design:
Free Blogger Skins

Powered by Blogger

วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

10 อันดับรถหรู ควบคู่กับราคาที่แพงอย่างสมศักดิ์ศรี

เรามาดูของเล่นคนรวยให้น้ำลายหกกันเล่นๆว่า คุณภาพพิเศษอย่างไรถึงได้ราคาระดับไต่ดาวอย่างนี้ เริ่มที่ในอันดับสุดท้ายกันก่อนครับ

อันดับ 10 : Maybach 62 ราคา $390,000 นี่คือสุดยอด ยนตรกรรม จาก เยอรมัน โดย Daimler Chrysler ได้นำ มายบัค ที่เคยโลดแล่นในอดีตกลับมาอีกครั้ง เพื่อต่อกรกับ Rolls Royce ค่ายรถหรูจาก อังกฤษ maybach 62 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 5.5 ลิตร twin-turbo V12 พร้อมกับม้า 612 ตัว โดยรถรุ่นนี้มีขายในเมืองไทย ราคาก็ไม่เท่าไหร่ 100 ล้านบาทนิดๆเท่านั้นรถหรูๆ สวยๆ ขับเคลื่อน ภูมิฐาน ซะจริงๆ

อันดับ 9 : Porsche Carrera GT ราคา $420,000 นี่คือสุดยอดเจ้าชายกบ เป็นรถที่ดีที่สุดและแพงที่สุดของ porsche ซุปเปอร์คาร์ จาก เยอรมัน คันนี้มาพร้อมกับ เครื่องยนต์ 5.7 ลิตร V10 612 แรงม้า ใช้เวลาวิ่งจาก 0-100 km/hr เพียง 3.5 วินาทีเท่านั้น สวยอลังการ สปอร์ตเท่ห์

อันดับ 8 : Mercedes-Benz SLR McLaren ราคา $450,000 นี่คือรถที่แพงที่สุดของค่ายดาวสามแฉกจากเยอรมัน (อีกแล้ว) โดย mercedes ได้ร่วมกันพัฒนากับ mclaren ผลิตสุดยอดซุปเปอร์คาร์คันนี้ขึ้นมา SLR ใช้เครื่องยนต์ 5.4 ลิตร V8 ผลิตม้าได้ 626 ตัว ใช้เวลาเพียง 3.6 วินาทีในการเร่งจาก 0-100 km/hr สุดยอดความหรู มีระดับอีกแล้ว รถใหม่มือหนึ่ง ราคาแพงระยิบเลย

อันดับ 7 : Koenigsegg CCX ราคา $520,000 การเปิดประตูสุดแปลกแต่สวยงามของซุปเปอร์คาร์จาก สวีเดน คันนี้ ทำให้หลายๆคนหลงรักทันทีที่เห็นมัน CCX มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4.7 ลิตร V8 และมีแรงม้ามากถึง 806 แรงม้าเลยทีเดียว เพียงแค่ 3.2 วินาทีคุณก็จะทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วจาก 0-100 km/hr ทันที สัญชาติ สวีเดน มาในแนว สปอร์หรูเปิดปะทุน ต้องคันนี้

อันดับ 6: Saleen S7 Twin Turbo ราคา $585,000 รถยนต์ สัญชาติอเมริกัน คันนี้ ใช้เครื่องยนต์ V8 750 แรงม้า วิ่งจาก 0-100 km/hr ใช้เวลา 3.2 วินาที สปอร์ตซิ่ง จริงๆ

อันดับ 5 : SSC Ultimate Aero ราคา $620,000 ถ้าคุณคิดว่าบูกัตติ เวรอน เป็น รถที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกละก็ คุณคิดผิด เพราะสุดยอด ซุปเปอร์คาร์ จาก อเมริกา คันนี้แหละที่เป็นรถยนต์ที่วิ่งได้เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็ว 256.15 ไมล์ ต่อชั่วโมง หรือ 412.23 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Shelby Supercars (SSC) คันนี้ใช้เครื่องยนต์ 6.35 ลิตร twin-turbo V8 โดยมีแรงม้ามากถึง 1,183 แรงม้า สำหรับคนที่ชื่นชอบความเร็ว แรง แข็งแกร่ง หรู ก็ต้องคันนี้

อันดับ 4 : Ferrari Enzo ราคา $640,000 ค่ายม้าลำพองจาก อิตาลี ส่งเข้าประกวด นี่คือสุดยอดซุปเปอร์คาร์จาก เฟอร์รารี่ ที่สุดแพง และเป็นยี่ห้อที่หลายคนใฝ่ฝัน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 เทคโนโลยีจาก F1 มีอยู่เต็มเปี่ยมในรถคันนี้ ทะยานจาก 0-100 km/hr 3.12 วินาที ถึงแม้จะขายมานาน แต่ enzo ก็ยังเป็นที่ต้องการของเศรษฐีทั่วโลก และมีเงินอย่างเดียวซื้อ enzo ไม่ได้นะครับ ต้องได้รับบัตรเชิญจาก ferrari เท่านั้น กล่าวคือต้องเป็นลูกค้าคนสำคัญนั่นเอง

อันดับ 3 : Lamborghini Reventon ราคา $1,300,000 กระทิง สัญชาติอิตาลี คันนี้ เป็นรถที่แพงที่สุดของ lamborghini ตั้งแต่เคยผลิตมา หลายคนหลงรักทันทีที่เห็นมัน บนโลกใบนี้มีขายเพียง 20 คันเท่านั้น จึงไม่แปลกที่คุณจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันบนท้องถนน ถ้าคุณบังเอิญได้เห็นมันละก็ แค่เพียงเสี้ยววินาที จงจดจำเวลานั้นไปนานๆ และเสียใจด้วยสำหรับคนไทย เพราะคันนี้ไม่มีเข้ามาในไทย Reventon มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 กับ 650 แรงม้า ใช้เวลา 3.4 วินาทีในการเร่งจาก 0-100 km/hr

อันดับ 2: Bugatti Veyron $1,400,000 ครองแชมป์มานาน แต่ปีนี้หล่นมาเป็นอันดับที่สอง นี่คือ สุดยอดยนตรกรรม สัญชาติฝรั่งเศส แต่พัฒนาโดยบริษัทแม่คือ volkswagen จากเยอรมัน ถึงแม้จะแพงสุดกู่ แต่ว่ากันว่า volkswagen ขาดทุน 2 ล้านยูโรต่อการขาย veyron 1 คัน เนื่องจากใช้งบประมาณที่สูงมากในการพัฒนานั่นเอง veyron ไม่ได้มีเครื่องยนต์ 10 สูบ หรือ 12 สูบ แต่มันมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 16 สูบ ที่พัฒนาโดย volkswagen ใช้รหัส W16 มีแรงม้า 987 แรงม้า ใช้เวลาเร่งจาก 0-100 km/hr เพียงแค่ 2.46 วินาทีเท่านั้น และมีความเร็วสูงสุดที่ 253 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 407.16 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

มาถึงอันดับที่ 1: เป็นอะไรไม่ได้นอกจาก Aston Martin One 77 ด้วยราคาสูงถึง $1,500,000 หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูกับรถยี่ห้อนี้ แต่ถ้าบอกว่ามันคือพาหนะของ James Bond ทั้ง 3 ภาคที่ผ่านมาละก็ ทุกคนคงร้องอ๋อ เพราะนี่คือสุดยอด ซุปเปอร์คาร์ สัญชาติอังกฤษ ที่ได้รับคำชมว่า เป็นรถที่สวยที่สุดในโลก One-77 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อต่อกรกับ veyron และ reventon โดยเฉพาะ One-77 จะถูกผลิตขึ้นมาเพียง 77 คันเท่านั้นตามชื่อรุ่น ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.0 ลิตร มีแรงม้าทั้งสิ้น 700 แรงม้า ความเร็วสูงสุดมากกว่า 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยมีอัตราเร่ง 0-100 km/hr ที่ 3.5 วินาที

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

Nissan March 6 รุ่น(4 มาตรฐาน และ 2 ออปชั่น) ราคารวม vat??

Nissan March มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ รหัส HR12DE ขับเคลื่อน 2 แบบคือ เกียร์ธรรมดา และ เกียร์ออโต้ XTRONIC CVT บนโครงสร้าง V-platform เปิดราคาเริ่มต้นที่ 3.75 แสนบาท, รถยนต์ Nissan March ได้รับการออกแบบมาให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก มีสไตล์ โฉบเฉี่ยว เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

การออกแบบของ Nissan March มร. มาโกโตะ ยามาเน รองหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ความเห็นว่า “รถยนต์รุ่นนี้ต้องมีสไตล์และกลิ่นไอของความพิถีพิถัน” การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์รุ่นนี้คือ มีกระจังหน้าสองชั้น ตอบสนองความมีสไตล์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามรูปทรงที่สวยงามคลาสสิกยังคง เป็นสิ่งสำคัญ และนี่คือเหตุผลที่มาร์ชยังคงมีเส้นโค้งบริเวณขอบ หน้าต่าง (Arched side window) ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Nissan March ดึงดูดใจผู้พบเห็น

Nissan March มีขนาดยาวขึ้นและความสูงลดลงเพียง เล็กน้อย ในขณะที่ฐานล้อซึ่งยาวขึ้นนั้น ทำให้มีพื้นที่ภายในกว้างขึ้น นอกจากนี้ ร่องรูปทรงบูมเมอแรงบนหลังคารถช่วยลดการสั่นสะเทือน ลดเสียงภายในห้องโดยสาร ยามาเนกล่าว ด้วยเจตนาในการออกแบบที่จะสร้างความ รู้สึกเดียวกันทั้งรูปลักษณ์ภายในและภาย นอก ภายในห้องโดยสาร นิสสันจึงได้ใช้แนวคิด Connected Cocoon การออกแบบแผงหน้าปัดที่ยึดตาม แนวคิดของ ‘ทวิน บับเบิ้ล’ ที่หมายถึงที่ตั้งเข็มอุปกรณ์รูปกลมและตู้ เก็บของรูปร่างคล้ายกันทางด้านผู้ โดยสาร

Nissan March มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ใหม่ และ ระบบส่งกำลังแบบ XTRONIC CVT

Nissan March ใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ รหัส HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร โดยได้ประยุกต์ใช้เครื่องยนต์แบบ HR16 4 สูบ ซึ่งใช้ในรถยนต์นิสสัน ทีด้า (Tiida) เครื่องยนต์ใหม่นี้จึงใช้ระบบควบ คุมการเปิดปิดของวาล์ว ( continuously valve-timing control -CVTC ) ให้กำลัง 59 กิโลวัตต์ หรือ 79 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในปริมาณเพียง 120 กรัมต่อกิโลเมตร ตามแบบฉบับ Eco Car

ระบบขับเคลื่อนของ Nissan March มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือ เกียร์ออโต้ XTRONIC CVT (Continuously Variable Transmission) รุ่นใหม่ของนิสสัน โดยมี อัตราการทดเกียร์ที่กว้างขึ้น ทำให้ประหยัดน้ำมัน และช่วยให้อัตราเร่งดี

Nissan March มาพร้อมกับเทคโนโลยี และ อุปกรณ์เสริมพิเศษ อาทิ กุญแจอัจฉริยะ ระบบป้องการโจรกรรม Immobilizer Push Start Button กระจกข้างพับอัตโนมัติ เซ็นเซอร์ถอยหลัง 4 จุด (Reverse Sensor) แผงหน้าปัดอัจฉริยะแสดงค่าเฉลี่ยน้ำมันที่ใช้จริง แสดงค่าระยะทางการใช้งาน (cruising range) และอุณหภูมิภายนอก

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ของ Nissan March

Nissan March มีทัศนวิสัยที่ดี และ รัศมีวงเลี้ยว เพียง 4.5 เมตร รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆหลายประการ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์และประหยัดน้ำมัน ในขณะเดียวกับที่ช่วยให้สามารถจอดรถเข้าซองได้ง่ายยิ่งขึ้น(เพราะ เป็นรถเล็ก)

นอกจากนี้ วิศวกรของ นิสสัน ได้พัฒนาลักษณะของการขับขี่และการควบ คุมยานยนต์ซึ่งได้รวบ รวมความแคล่วคล่องว่องไว ความประณีต และความแม่นยำไว้ด้วยกัน บนโครงสร้างวี แพลทฟอร์ม V-platform โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีความกะทัดรัด ลดการใช้เนื้อที่ด้านหลังเพื่อให้มีพื้นที่บริเวณเก็บของสูงสุด และใส่ใจเป็นพิเศษต่อการดูดซับแรงกระแทก ซึ่งหมายความว่า Nissan March สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างราบเรียบไม่ว่าสภาพพื้นผิวถนน ราบหรือขรุขระ ไม่มีปัญหาเมื่อต้องวิ่งผ่านโคลนหรือน้ำ สามารถแล่นผ่านไปอย่างง่ายดายด้วยความเร็ว

ระบบความปลอดภัยใน Nissan March

การใช้โครงสร้าง V-platform เป็นปัจจัยหลักประการหนึ่ง ที่ช่วยให้ Nissan March มีความปลอดภัยจากแรงกระแทกมากยิ่งขึ้น รถยนต์รุ่นนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รองรับการชนด้านหน้า อันเนื่องมาจากบริเวณส่วนรับแรงกระแทกที่ถูกออกแบบให้ตอบรับการ ใช้งานได้ดี และยังคงรักษาความแข็งแรงของห้องโดยสารด้วยตัวถังรถยนต์ ที่แข็งแกร่ง Nissan March ใช้ระดับมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย UNECE 94 และ 95 (การกระแทกด้านหน้าและด้านข้าง) และยังมีถุงลม SRS ในทุกรุ่น ระบบเบรคป้องกันล้อล็อค (ABS) ระบบควบคุมและกระจายแรงเบรคด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และ ระบบเสริมแรงเบรค (BA)

Nissan March ทั้ง 6 รุ่น(4 รุ่นมาตรฐาน และ 2 รุ่นออปชั่น) พร้อมราคารวม vat

  • 1.2 S MT 375,000
  • 1.2 E MT 425,000
  • 1.2 E CVT 459,000
  • 1.2 EL CVT 489,000
  • 1.2 V CVT 507,000
  • 1.2 VL CVT 537,000

Nissan March มีสีให้เลือกทั้งหมด 6 สี

  1. สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ Brilliant Silver
  2. สีดำ แบล็ก สตาร์ Black Star
  3. สีม่วง คริสตัล ไลแลค Crystal Lilac
  4. สีเขียวสปริง กรีน Spring green
  5. สีส้ม ซันไลท์ ออเร้นท์ Sunlight orange
  6. สีขาว ไวท์ เพิร์ล White pearl

ในรุ่น 1.2S เลือกได้เพียง 3 สีคือ สีเงิน, สีดำ และ สีม่วง

ที่มา thaiautoshop.com

Proton Hybrid is comming soon


ใครว่าเทคโนโลยีไฮบริด [Hybrid Tecnology] เป็นของล้ำยุค และสงวนไว้สำหรับแบรนด์ดัง โปรตอน [Proton]จากแดนเสือเหลือง มาเลเซีย ขอเปลี่ยนทรรศนะที่ล้าสมัยนี้และกำลังจะเปิดมิติใหม่ให้กับโลกยานยนต์ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช่ครับอ่านไม่ผิดหรอกขอรับ ที่ผมกำลังบอกว่า โปรตอนกำลังจะก้าวไปอีกก้าวสู่อนาคตด้วยระบบไฮบริ ดกันแล้ว

รถรุ่นใหม่นี้เป็นผลงานร่วมกันของที่ปรึกษาทางการออกแบบชื่อดัง ทั้งสองคือ อิตัลดีไซน์ [Ital desing]จากอิตาลี ผู้ชำนาญการด้านการออกแบบยานยนต์ และ โลตัสเอ็นจิเนียริ่ง [Lotus engeneering]จากสหราชอาณาจักร ผู้ชำนาญด้านการออกแบบและวิจัยเรื่อง การขับขี่ (ซึ่งปัจจุบันโลตัสเอ็นจิเนียริ่งนั้นก็เป็นหนึ่งในเครือข่ายของ อาณาจักรโปรตอนด้วย)

เปิดตัวทั้งทีไม่ได้เปิดแค่หนึ่ง แต่โปรตอนเปิดตัวถึง 2 คันในพื้นฐานของ แพลทฟอร์มเดียวกัน โดยนำเสนอแนวคิดรถครอบครัว[Family car]และรถอเนกประสงค์ยกสูง ด้วยความยาวเพียง 3.55 เมตรคู่ดูโอของโปร ตอนนั้นจะมีขนาดสูสีกับรถจิ๋วยอดนิยมอย่าง มินิคูเปอร์[Mini cuoper] นั่นเอง และเปิดตัวรถใหม่กันทั้งที โปรตอนก็ไม่ลังเลที่จะมาพร้อมเครื่องยนต์ ใหม่ถอดด้ามที่ยืดหยุ่นในการบริโภคเชื้อเพลิง เพราะเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตรของโปรตอนตัวนี้รองรับเชื้อเพลิงได้ถึง 3 รูปแบบคือ นอกจากเบนซินแล้วก็ยังสามารถใช้เมทานอลและเอทานอลได้ด้วย ซึ่งเหมาะสมกับการนำมาใช้ เพราะเป็นเชื้อเพลิงที่มนุษย์สร้างได้เองไม่ ต้องกังวลว่าจะหมดไปเหมือนเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหลาย และที่แน่นอนเหมือนที่ เปิดหัวเรื่องไว้ก็คือเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรนี้จะทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้าซึ่งนอกจากจะทำงานด้วยตัวเอง แล้ว หากต้องการจะเติมไฟให้เต็มและไม่ต้องการใช้ร่วมกับระบบเชื้อ เพลิงเพื่อลดมลพิษ ก็ยังใช้ระบบไฟฟ้าด้วยการเสียบกับปลั๊กไฟบ้านได้อีก ด้วย

นี่เป็นเพียงข้อมูลคร่าว ๆ ที่ได้รับมาก่อนที่โปรตอนจะเปิดตัวคู่ ดูโอทั้งสองในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ บอกตามตรงว่า เพื่อนบ้านของเราจะก้าวห่างเราออกไปทุกที ๆ หากเราเลิกที่จะขัดแย้งกันเองด้วยเหตุผลไม่เข้าท่า และจับมือกันพาประเทศเดินหน้าไปสู่ความรุ่งเรือง เราก็คงไม่ต้องตกในที่นั่งลำบากแบบทุกวันนี้

ที่มา หนังสือพิมพ์ dailynews

วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

การใช้งานระบบนำทาง [Navigator]

ประโยชน์ของการใช้งาน Navigator

1.แสดงตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันของท่านได้จริงขณะขับขี่
2.ค้นหาและแสดงตำแหน่งที่สนใจได้บนแผนที่
3.ได้ข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจในการขับขี่มากขึ้น
4.เพิ่มเติมจุดที่สนใจของตนเอง เพื่อสะดวกในการเดินทางครั้งต่อไป
5.สามารถบันทึกการเดินทางของท่าน รวมทั้งตำแหน่งสำคัญ
6.สามารถนำทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ
7.เก็บสถิติในการเดินทางได้

การเปิดเครื่อง

จะทำงานเมื่อกุญแจสตาร์ทอยู่ในต่ำแหน่ง ACC ถ้าหน้าจอขึ้นคำว่า Navigator ให้กดปุ่ม Display แล้วกด Sceern off จะปรากฏแผนที่ใช้เวลา 3 – 5 นาที ในการรับสัญญาณดาวเทียม

1.ช่องสัญญาณอินฟาเรด
2.In ขยายแผนที่ (ในโหมดการแสดงแผนที่ กดเพื่อขยายแผนที่ให้เห็นแผนที่ให้เห็นพื้นที่ที่แคบลงแต่จะมีรายละเอียดมาก ขึ้น)หรือสลับชุดการป้อนตัวอักษรระหว่างอักษรและพยัญชนะและสระ(ในการป้อน ภาษาไทย)
3.Out ย่อแผนที่ ให้เห็นบริเวณกว้างขึ้น (ในโหมดการแสดงแผนที่ ) หรือสลับชุดการป้อนตัวอักษรระหว่างอักษรและพยัญชนะและสระ(ในการป้อนภาษาไทย)
4.Quit ย้อนออกจากการแสดงผลจากหน้าเดิม หรือยกเลิกการป้อนข้อมูล
5.Page เปลี่ยนหน้าจอแสดงผล
6.Thum Stick ใช้ตัวเลือก,แบบหมุนรอบทิศทาง,เปลี่ยนค่าต่างๆป้อนข้อมูล หรือใช้ในการเลื่อนลูกศรบนแผนที่ และกดตกลง
7.Find ค้นหาสถานีหรือจุดหมาย
8.Menu แสดงเมนูเมื่อสั่งงานเมื่ออยู่ในโหมดต่าง ๆ

9.Rote แสดงเมนูเพื่อสั่งงานเมื่ออยู่ในโหมดต่าง ๆ
10.Speak
สั่งให้อุปกรณ์พูดออกจากลำโพงในขณะที่นำทางเมื่อต้องการ
11.ชุดปุ่มตัวอักษรและตัวเลข ใช้ป้อนข้อมูลตัวเลขและตัวอักษร (ภาษาอังกฤษ)


1. ชื่อสิ่งที่ค้นหา
2. การเปลี่ยนหมวดเป็นภาษาอังกฤษ
3. การเปลี่ยนหมวดเป็นตัวเลข
4. การเปลี่ยนหมวดเป็นภาษาไทย
5. สัญลักษณ์ตำแหน่งในการค้นหาตัวอักษร
6. การเคาะวรรค
7. การเลื่อนตัวอักษรไปทางซ้าย

8. การเลื่อนตัวอักษรไปทางขวา
9. การเลือกตัวอักษรที่เลือก
10. จำนวนที่ค้นหาได้จากที่เลือกไว้
11. อักษรที่มีตามข้อมูล
12. ตกลง


1. ทิศทางอุปกรณ์แนะนำทาง (ลูกศร)
2. สัญลักษณ์นำทางถึงจุดหมาย




ก่อน ออกเดินทางให้กดปุ่ม Reset

1. ช่องแสดงเวลาปัจจุบัน
2. แถบแสดงทิศทาง
3. ระยะทาง (กิโลเมตร)
4. ความเร็ว (กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
5. ปุ่ม Reset ระยะทาง (เริ่มต้น)

6. การเก็บข้อมูลในการขับขี่ (ว่าเป็นใคร,ที่ไหน)
7. ระยะทางข้อมูลที่บันทึก (กิโลเมตร)
8. ปุ่ม Reset ความเร็ว (ความเร็ว กิโลเมตรต่อชั่วโมง)



กรณีที่จะทำการลบข้อมูลหรือค่าต่าง ทำได้โดยการกดปุ่ม Menu และเลือก Reset


Trip Computer ปุ่ม In Out คือ การย่อและขยายแผนที่ บนแผนที่สามารถแสดงได้
24 มาตราส่วนจาก 120 ฟุต(30เมตร) ถึง 800 ไมล์ (1,200 กิโลเมตร)การเลื่อนภาพ
ใช้ Thumb Stick ให้สังเกตลูกศรสีขาวและเลื่อน ถ้าหยุดเลื่อนให้ปล่อยมือ ต้องการ
กลับมาตำแหน่งปัจจุบัน กดปุ่มQuit หรือ บนหน้าจอซ้ายมือการสร้าง Way Point กดปุ่ม Thumb Stick ค้างใว้ 1 วินาที จะปรากฏหน้าต่าง way Pont ใหม่ พร้อม ทั้งมีการตั้งตัวเลข 3 หลัก โดยอัตโนมัติ



1. สถานะการรับดาวเทียม
2. ตำแหน่งดาวเทียม
3. ตำแหน่งของพระจันทร์
4. ตำแหน่งของพระอาทิตย์
5. วันและเวลา
6. ตำแหน่งพิกัดที่คำนวณได้ (ทิศทาง,กี่องศา,กี่ลิปดา)

7. แท่งสัญญาณที่รับได้จากดาวเทียม (สีขาวไม่สามารถคำนวณได้)
8. แท่งสัญญาณที่รับค่าและพิกัดดาวเทียมได้ (สีดำ)


แสดง ชื่อและรุ่นของข้อมูลแผนที่ ที่ถูกเก็บใว้ในหน่อยความจำในเครื่อง

NAVIGATOR ที่ใช้อยู่หน้าจอจะแสดงรุ่นของ Soft ware และหมายเลขประจำเครื่อง



1. ปุ่มที่ใช้ในอับสัญญาณ / จับสัญญาณ
2. การวัดระยะทาง จากจุดที่อยู่แบบเส้นตรง
3. การปรับตั้งค่าในการแสดงแผนที่
4. การตั้งค่าแถบในการแสดงสถานะการทำงาน
5. การปรับเป็นแบบแผนที่เต็มจอ / แสดงสถานะ
6. หมวดเส้นทางหรือวิธี การคำนวณเส้นทาง
7. ตัวเลือกสำหรับปรับแต่งเครื่องมือต่าง
8. ข้อมูล,อุปกรณ์แผนที่ GPS


ขยายความของแต่ละหัวข้อให้หน้านี่

1. ปิดการรับสัญญาณดาวเทียม
2. วัดระยะทางจากแผนที่ จากจุดเริ่มต้น และเลื่อน Cursor ไปตำแหน่งที่ต้องการวัด จะแสดงระยะทางออกมา

3. แผนที่

- ความละเอียดของข้อมูล ทิศทางการแสดง โหมดของสี การย่อหรือขยายพื้นที่
- เส้น สามารถปรับขนาดของเส้นถนน รวมทั้งข้อมูลตัวอักษรของเส้น เช่น ชื่อถนน
- จุด สามารถปรับขนาดของจุด สถานที่สำคัญต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลตัวอักษรของจุด เช่น ชื่อร้านอาหาร
- เมือง มีขนาดตัวอักษรให้แสดงชื่อ และระยะใกล้สุดที่จะแสดง เมืองใหญ่ถึงเมืองขนาดย่อม
- พื้นที่ ขนาดของตัวอักษรที่ให้แสดงชื่อ และระยะใกล้สุดที่จะแสดง แม่น้ำ,ทะเลสาบ สวนอื่น ๆ

4. ตั้งค่า Tab เป็นการปรับแต่งขนาด และความเข้มของแถบ หรือแบบมีข้อความนำทางด้วย

5.แผนที่เต็มจอ เป็นการปรับให้แผนที่แสดงผลแบบเต็มจอ หรือแบบมีข้อความนำทางด้วย

6.เส้นทาง

- คำนวณส้นทางใหม่ เพื่อคำนวณเส้นทางใหม่ ซึ่งจะยกเลิกการแนะนำเส้นทางปัจจุบัน
- การนำทาง / หยุดการนำทาง ในกรณียกเลิกการนำทาง
- จุดแวะพักเป็นการกำหนดจุดที่ต้องการแวะพักระหว่างเส้นทางไป
- ทางอ้อม เป็นการสร้างข้อจำกัด ให้วิ่งอ้อมออกไปจากเส้นทางเดิม ซึ่งสามารถเพิ่มจำนวนระยะทางเป็นกิโลเมตร
- เริ่มต้นใหม่ เป็นการกำหนดเส้นทางใหม่ แต่ยังคงวิธีการคำนวณเดิม
- วิธีการคำนวณเป็นการเลือกวิธีการคำนวณเส้นทาง แบบสั้นสุดและหรือเร็วสุด
- เส้นทางใหม่ เป็นการกำหนดจุดใหม่ โดยใช้ตำแหน่งปัจจุบัน
- รายการเส้นทาง คือการแสดงการบันทึกเส้นทางที่เคยไปมา
- บันทึก คือการจัดเก็บเส้นทางที่เดินทางมาครั้งสุดท้าย

7. ตัวเลือกจะเป็นการปรับค่าต่าง ๆ

- ทั่วไป สำหรับเลือกเมนู ,หน่วยวัด ,เสียงเตือน
- แนะทาง สำหรับคำนวณการเดินทาง
- การคำนวณเส้นทาง สำหรับ เลือกวิธีการคำนวณ เส้นทาง และข้อยกเว้นต่าง ๆ
- เวลา กำหนดรูปแบบของเวลา
- ความปลอดภัย ใช้เปิดหรือปิดระบบรักษาความปลอดภัย
- การติดตามเส้นทาง ใช้ตั้งค่าการบันทึกเส้นทางที่รถผ่าน และเพื่อเคลียร์ค่าบันทึกเส้นทาง
- ภาษา ใช้ภาษา ใช้ภาษาของเมนูและเสียงพูด ไทย และ อังกฤษ
- Interface สำหรับดูสัญญาณที่ต่อเข้าระบบชดเชยสัญญาณ GPS

8. แสดงข้อมูล ที่รับมาจากดาวเทียม โดยเลือก แบบค้นหาชื่อ , ใกล้ที่นี่ , ใกล้ตำแหน่งบนแผนที่ , ใกล้จุดอื่น โดย

การเลื่อนปุ่ม Thum Stick ก็จะแสดงรายละเอียด

ระบบนำทางของ โตโยต้า คัมรี่ใหม่

ระบบนำทางในรถยนต์ ( In-car Navigator ) ของคัมรี่ใหม่.... จะนำทางด้วยระบบจีพีเอส.. ( GPS Global Positioning System ) พร้อมระบบแผนที่ดิจิตอล ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศไทยรวมทั้งทางหลวงสายต่างๆ และจะให้รายละเอียดมากขึ้นในแต่ละจังหวัด ระบบจะแสดงตำแหน่งของรถบนแผนที่ ตลอดทางตามการเคลื่อนที่ของรถจริง (real-time) โดยในทุกขณะที่รถเคลื่อนที่ระบบจีพีเอส (GPS) จะรับสัญญาณจากดาวเทียมที่โคจรอยู่รอบโลก เพื่อคำนวณหาค่าพิกัดตำแหน่งของรถ แล้วแสดงตำแหน่งบนแผนที่ดิจิตอลที่หน้าจอตลอดการเดินทาง โดยแผนที่จะซูมเข้าออกอัตโนมัติตามความเร็วของรถและระยะทาง เพื่อให้การมองเห็นเป็นไปอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ท่านยังสามารถค้นหาสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านอาหาร โรงพยาบาล สถานีบริการน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ และสถานที่ ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้ง ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ได้จาก แผนที่ดิจิตอล และยังสามารถให้ระบบค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุดไปสู่ที่หมาย และนำทางไปยังสถานที่นั้น ๆ ด้วยเสียงพูด ตลอดการเดินทาง องค์ประกอบของอุปกรณ์นำทางในรถยนต์โตโยต้า
อุปกรณ์นำทางในรถยนต์ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วนคือ

  1. เสารับสัญญาณจีพีเอส ที่รับสัญญาณจากดาวเทียม เพื่อให้กล่องควบคุม คำนวณตำแหน่งปัจจุบันของรถยนต์ ได้อย่างถูกต้อง โดยจะติดตั้งไว้ที่คอน โซลหน้า
  2. แผงรับสัญญาณอินฟราเรดรับคำสั่งจากรีโมทคอนโทรล ซึ่งจะติดตั้งอยู่ทางด้านซ้ายด้านหลังพวงมาลัย
  3. รีโมทคอนโทรล เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการสั่งงานอุปกรณ์นำทาง
  4. กล่องควบคุม (Black box) เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่บรรจุแผนที่และข้อมูล สถานที่ ต่างๆ ไว้ กล่องควบคุมนี้มีหน้าที่ด้านการคำนวณ ต่าง ๆ เช่น คำนวณตำแหน่งปัจจุบันของรถจากสัญญาณจีพีเอส ที่รับมาจากเสารับสัญญาณที่หน้าคอนโซล..คำนวณหาเส้นทางและควบคุมการนำทาง ด้วยเสียงไปตลอดเส้นทาง นอกจากนั้น กล่องควบคุมยังมี ระบบชดเชยสัญญาณจีพีเอส (Dead Reckoning) คำนวณความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่ของรถเพื่อใช้ชดเชยสัญญาณจีพีเอส ในขณะที่ไม่สามารถรับสัญญาณดาวเทียมได้ครบ 3 ดวง

ประโยชน์ของระบบนำทาง In-car Navigator ของคัมรี่ใหม่

  1. แผนที่ดิจิตอล เก็บข้อมูลแผนที่ที่มีความละเอียด ในระดับที่แผนที่กระดาษไม่สามารถเก็บได้ ..เก็บรักษาข้อมูลถนนและ ตำแหน่งสถานที่สำคัญกว่าแสนจุด ..ทำให้ท่านสามารถค้นหาตำแหน่งสถานที่ต่าง ๆ.. ได้อย่างรวดเร็ว ทั่วประเทศไทย
  2. ระบบจีพีเอสจะแสดงตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันของรถให้เห็นบนแผนที่ ตลอดเวลาที่รับสัญญาณ จากดาวเทียมให้ผู้ใช้ ทราบถึงตำแหน่งของรถ.. ถนนเส้นทางข้างหน้าที่รถกำลังจะไปถึง และสิ่งแวดล้อมโดยรอบได้
  3. ช่วยการวางแผนการเดินทาง โดยสามารถกำหนดจุดหมายปลายทางที่จะไปตามลำดับ ก่อนออกเดินทางได้
  4. สามารถบันทึกเส้นทางที่เดินทางไปแล้ว ไว้สำหรับการเดินทางในครั้งต่อไปได้
  5. สามารถเพิ่มตำแหน่งสำคัญที่ไม่มีในแผนที่ดิจิตอล ลงในแผนที่ได้ เช่น บ้าน ที่ทำงาน ร้านอาหารโปรดและอื่นๆ ได้มากถึง 500 จุด
  6. สามารถค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุด ไปยังจุดหมายปลายทางที่เลือกไว้ โดยสามารถเลือกวิธีที่เร็วที่สุด หรือระยะทางที่สั้นที่สุด ให้หลีกเลี่ยงทางด่วน เลี่ยงการกลับรถ และอื่นๆ ได้
  7. สามารถนำทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้ ด้วยเสียงพูด ตลอดเส้นทาง โดยสามารถเลือกให้นำทางด้วยเสียงพูดได้ ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ

    จีพีเอส คืออะไร
    จีพีเอส คือ ...โครงการดาวเทียม " แนฟสตาร์จีพีเอส " ...NAVSTAR GPS ( Navigation Signaland Ranging Global Positioning System) ของสหรัฐอเมริกา องค์ประกอบหลัก ๆ มี 3 ส่วนดังนี้
    1. จำนวนดาวเทียม 24 ดวงที่ใช้งานปัจจุบัน และ 4 ดวงสำรอง
    2. สถานีควบคุมพื้นดิน 5 สถานีทั่วโลก ส่งสัญญาณไปยังดาวเทียม GPS เพื่อปรับแก้ไขความถูกต้อง
    3. ภาครับสัญญาณสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ GPS

- รับสัญญาณจากดาวเทียมซึ่งจะต้องรับได้ 3 ดวงขึ้นไป จึงจะระบุตำแหน่งได้
- เป็นการรับสัญญาณทางเดียว คือจากดาวเทียมมายังเครื่องรับ
- ความเที่ยงตรง 5-15 เมตร

ระบบนำทาง ( Navigator )

หากถามว่าระบบนำทางในรถยนต์นั้นเป็นสิ่งที่ไกลตัวหรือไม่ถ้าเป็นสักสิบ ปีหรือยี่สิบปีที่แล้วก็อาจจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเหลือเกินเพราะ ความ ทันสมัยหรือความเป็นเทคโนโลยีสิ่งนี้อาจจะไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเป็น

แต่ปัจจุบัน “เนวิเกเตอร์” (Navigator) หรือที่เราเรียกว่าระบบนำร่องหรือระบบนำทางเข้ามามีบทบาทในรถยนต์มากยิ่ง ขึ้นในต่างประเทศหากลองสังเกตดูรถยนต์ส่วนใหญ่ จะมีการติดตั้งระบบนำทางกันหมดแล้ว เพราะการใช้งานไม่ได้ มีความยุ่งยากแต่อย่างใดและเขาถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นด้วยซ้ำไป สำหรับในเมืองไทยโตโยต้าถือเป็นผู้ผลิตรายแรกที่มีการติดตั้งระบบนำทางในรถ ยนต์ หรือ คาร์ เนวิเกเตอร์ (Car Navigator) โดยทำการติดตั้งในรถยนตโตโยต้ารุ่นคัมรี่ สำหรับคาร์เนวิเกเตอร์จะนำทางด้วยระบบจีพีเอสพร้อมระบบแผนที่ ดิจิตอลที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง76จังหวัดทั่วประเทศไทยระบบนำทางจะแสดง ตำแหน่งปัจจุบันของรถยนต์บนเส้นทางขณะที่รถเคลื่อนที่ซึ่งจีพีเอสจะรับ สัญญาณจากดาวเทียมที่โคจรอยู่รอบโลกเพื่อคำนวณหาค่าพิกัด ตำแหน่งของรถแล้ว แสดงตำแหน่งบนแผนที่ดิจิตอลที่หน้าจอตลอดการเดินทาง โดยแผนที่จะซูมเข้า-ออกอัตโนมัติตามความเร็วของรถ เพื่อให้การ มองเห็นเป็นไปอย่างชัดเจนนอกจากนี้หากเราต้องการค้นหาสถานที่ ต่างๆเช่นร้านอาหารโรงพยาบาลสถานีบริการน้ำมันหรือแม้แต่ผู้แทนจำหน่าย รถยนต์โตโยต้าทั่วประเทศเราก็สามารถค้นหาได้จากแผนที่ดิจิตอล อีกทั้งยังสามารถให้ระบบค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุดเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง และ นำทางไปยังสถานที่นั้นๆด้วยเสียงพูดตลอดการเดินทาง

สำหรับอุปกรณ์นำทางนี้ประกอบด้วย 4 ส่วนคือ

  1. เสารับสัญญาณจีพีเอส ทำหน้าที่รับสัญญาณ ดาวเทียม เพื่อให้กล่องควบคุม คำนวณตำแหน่งปัจจุบันของรถยนต์ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเสารับสัญญาณนี้จะติดตั้งไว้ที่ด้านหน้าคอนโซล
  2. แผงรับสัญญาณอินฟาเรด จะรับคำสั่งจากรีโมทคอนโทรล ซึ่งติดตั้งอยู่หลัง พวงมาลัยทางด้านซ้าย
  3. รีโมทคอนโทรล เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการสั่งงานอุปกรณ์นำทาง
  4. กล่องควบคุม เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่บรรจุแผนที่และข้อมูลสถานที่ต่างๆไว้ กล่องควบคุมนี้มีหน้าที่ด้านการคำนวณต่างๆ อีกทั้งยังมีมีระบบชดเชยสัญญาณจีพีเอส คำนวณความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่ของรถเพื่อใช้ชดเชยสัญญาณจีพีเอสในขณะ ที่ ไม่สามารถรับสัญญาณดาวเทียมได้ครบทั้ง 3 ดวงเมื่อเราได้รู้กันแบบนี้แล้วว่าระบบนำทางในรถยนต์ หรือ คาร์ เนวิเกเตอร์ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากและไกลตัวอีกต่อไป แต่กลับเป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการนำทาง ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ทางโตโยต้าได้นำมาติดตั้งในรถยนต์รุ่นคัมรี่และรุ่น วิช

วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553

MAZDA 2 [ZOOM ZOOM]


มาสด้า ฟุ้งยอดขาย“น้อง2”กระจาย เผยบรรลุข้อตกลงโรงงานเอเอที ระยอง เพิ่มกำลังการผลิตให้ทันกับความ ต้องการลูกค้า ยันการเปิดตัวอีโคคาร์ในเร็วๆนี้ไม่มีผล

หลังจากที่ปล่อยให้มาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮ็ชแบ็ค 5 ประตู ออกมาอาละวาดตลาดรถเก๋งเมืองไทยให้กลับมาคึกคักตั้งแต่ช่วงปลายปี ที่ผ่านมา พร้อมกับโกยยอดขายไปแบบถล่มทลาย หลังการเปิดตัวเพียงแค่ 2 เดือนเศษ มียอดขายสูงกว่า 4,500 คัน และยังมีแบ็กออเดอร์อีกกว่า 2,500 คัน พร้อมบรรลุข้อตกลงในการเจรจากับทางโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ โดยการขอโควตาเพิ่มจากเดิมอีกถึง 2 เท่าตัว พร้อมอัดกิจกรรมต่างๆ ด้านการตลาดอย่างต่อเนื่องไปทั่วประเทศ ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็น ซูม-ซูม ภายใต้ DNA ของยานยนต์สปอร์ตสายพันธุ์มาสด้า

จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่เปิดตัวแนะนำรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า2 ใหม่ มีกระแสตอบรับมาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในด้านยอด ขาย และมีลูกค้าจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 100 คัน และเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่กำลังรอคอยเป็นเจ้า ของ มาสด้าประสบความสำเร็จบรรลุข้อตกลงในการเจรจากับทางโรงงานออ โต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง เพื่อขอเพิ่มโควต้าในการผลิตรถมาสด้า2 ใหม่ ซึ่งนับเป็นข่าวดีทั้งกับลูกค้าและมาสด้า ทั้งนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ผ่านมา บริษัท มาสด้า เซลส์ ได้รับรถมามากถึง 3,000 คัน

สำหรับลูกค้าที่จองซื้อรถยนต์นั่งสปอร์มาสด้า2 ใหม่ มาก่อนหน้านี้ ทางมาสด้าจะสามารถส่งมอบให้กับลูกค้าได้ตามกำหนดภายใน เดือนมีนาคมนี้อย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากนี้มาสด้าทยอยส่งมอบรถไป ยังศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้าที่มีอยู่ถึง 107 โชว์รูมทั่วประเทศ และพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าได้ทันที

อย่างไรก็ตามการเปิดตัวของรถอีโคคาร์น่าจะมาช่วยเพิ่มสีสัน ให้กับตลาดรถยนต์นั่งของไทย และทำให้ลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มมาก ขึ้น สำหรับมาสด้ามองว่า รถมาสด้า2 ใหม่ แทบจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมาสด้า2 ใหม่ เป็นรถที่มีรูปลักษณ์ความเป็นสปอร์ตโฉบเฉี่ยว โดนใจ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดดเด่นทุกมุมมอง พร้อมสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ให้พลังแรงเต็มประสิทธิภาพ ระบบช่วงล่างอันเลื่องชื่อที่ให้การเกาะถนนเป็นเยี่ยม สะท้อนไลฟ์สไตล์ และตัวตนของลูกค้าได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ลูกค้าที่จองซื้อไม่ต้องรอ รถนาน เนื่องจากมาสด้าเริ่มสายการผลิตและมีรถพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าใน ทันทีในทุกรุ่น

ASTVผู้จัดการออนไลน์

"White" MITSHUBISHI TRITON

มิตซูบิชิ ปลื้ม ไวท์ เพิร์ล คอลเลคชั่น เร่งส่ง ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส สีขาว ลงตลาดอีกรุ่น หวังชิงยอดขายก่อนเข้างานมอเตอร์โชว์ สนนราคา 6.79 แสนบาท ผลิตจำนวนจำกัดแค่ 200 คัน

โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากการจัดกิจกรรม “ไวท์เพิร์ล คอลเลคชั่น แคมเปญ” ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากลูกค้า โดยมียอดจองมาแล้วกว่า 1,700 คัน ในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ล่าสุดบริษัทฯ จึงส่ง ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส รุ่นตกแต่งพิเศษ “สีขาวมุก” ลงสร้างสีสันให้ตลาดกระบะอีกรุ่น โดยจะเน้นความคุ้มค่าคุ้มราคา ของไทรทัน เมกะแค็บ พลัส เพิ่มภาพลักษณ์ที่หรูหรายิ่งขึ้นด้วยสีพิเศษ “ขาวมุก” และการตกแต่งภายในใหม่เพิ่มอารมณ์สปอร์ตและลงตัวยิ่งกว่า ซึ่งจะเริ่มขายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

มิตซูบิชิ ไทรทัน เปิดตัวสู่ตลาดเมืองไทยมาตั้งแต่ปี 2548 ในฐานะผู้สร้าง“อารยธรรมใหม่” ให้กับตลาดรถกระบะจากดีไซน์ที่ทันสมัย ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมห้องโดยสารกว้างขวาง ระบบช่วงล่างที่ให้ความนุ่มน วลในการขับขี่ รวมทั้งระบบความปลอดภัยครบครัน สอดคล้องกับความต้องการพื้นฐาน ของลูกค้าที่ไม่จำกัดอยู่เฉพาะการใช้งานเพื่อการพาณิชย์เพียง อย่างเดียวหากแต่ยังใช้งานในเมืองได้อย่างลงตัว โดยมียอดขายรวมในประเทศนับจากเปิดตัวจนถึงธันวาคม 2552 อยู่ที่ 88,502 คัน

สำหรับไทรทัน เมกะแค็บ พลัส รุ่นตกแต่งพิเศษ “สีขาวมุก” เป็นการนำรุ่น GLS ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมาตกแต่งเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ชื่นชอบความแตกต่างไม่เหมือนใคร โดยการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูปราดเปรียวและโดดเด่นยิ่ง ขึ้นด้วยตัวถังภายนอกสีขาวมุก พร้อมไฟหน้าสไตล์ใหม่เพิ่มประกายสี เงิน แบบ Chrome bezel รับกับกระจังหน้าโครเมียมที่ให้ความรู้สึกแข็ง แกร่ง เพิ่มความลงตัวยิ่งขึ้นด้วยกรอบไฟตัดหมอกหน้าและโป่งล้อด้าน ข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมติดตั้งคิ้วข้างตัวรถสไตล์สปอร์ต

ภายในได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่ ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน ลงตัวด้วยการตกแต่งสไตล์สีเงิน ”ซิลเวอร์ เดคอร์เรชั่น” และเพิ่มความสปอร์ตในดีไซน์ยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังทรงสปอร์ต พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง เครื่องเล่นวิทยุ DVD VCD CD MP3 แสดงภาพข้อมูลผ่านจอภาพ Built-in แบบ Wide Screen ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบสัมผัส IMT- Intelligent Magic Touch และรีโมทคอนโทรล

ด้านขุมพลังจากเครื่องยนต์ 2.5 Di-D ไฮเปอร์คอมมอนเรล DOHC 16 วาล์วเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุดที่ 140 แรงม้า พวงมาลัยแบบ แร็คแอนด์พีเนียนพร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรง รัศมีวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.9 เมตรช่วงล่างหน้าแบบอิสระปีกนกสองชั้น คอยส์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างหลังแบบแหนบแผ่นซ้อน โช้คอัพไขว้ …ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส รุ่นพิเศษ “สีขาวมุก” มีราคาขาย 679,000 บาท โดยผลิตจำนวนจำกัดเพียง 200 คัน เท่านั้น

ASTVผู้จัดการออนไลน์

Totota recall


วิกฤต Recall และการให้ปากคำของอากิโอะ โตโยดะ ประธานโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชันต่อสภาครองเกรสส์ของสหรัฐ อเมริกายังน่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำยอดขายรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์ ของโตโยต้าในตลาดสหรัฐอเมริกาจะยังลดลงอย่างต่อเนื่องจากเดือนม กราคม

อากิโอะ โตโยดะ

มีการคาดการณ์โดยเว็บไซ ต์ edmunds.com ในสหรัฐอเมริกาว่า ส่วนแบ่งตลาดของโตโยต้าหลังรวมยอดขายเดือน กุมภาพันธ์จะลดลงมาอยู่ที่ 12.6% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับ จากเดือนกรกฎาคมปี 2005 เลยทีเดียว โดยส่วนสำคัญเป็นเพราะรถยนต์ที่มี ยอดขายดีอย่างโคโรลล่า และคัมรี่ประสบปัญหา Recall

นอกจากนั้น ยังมีการคาดการณ์กันว่ามีแค่โตโยต้า และไครสเลอร์เท่านั้นที่เป็น 2 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่ มียอดขายในเดือนนี้ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ แล้ว โดยจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส ซึ่งเป็นอดีตหมายเลข 1 ของตลาดรถยนต์อเมริกันจะสามารถกลับมาครองตำแหน่งผู้นำได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับฟอร์ด, นิสสัน และฮุนไดที่ได้รับอานิสงส์จากเรื่องนี้จน ทำให้มียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น และคาดกันว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของ ทั้ง 3 ค่ายนี้จะมีในระดับ 20-40% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม edmunds.com รายงานโดยอ้างคำกล่าวของดีลเลอร์ของโตโยต้าในสหรัฐอเมริกาว่า ยอดขายที่ลดลงครั้งนี้จะขึ้นอยู่กับบทสรุปของเรื่องนี้ว่าจะจบลง ได้เร็วแค่ไหน และเรื่องที่บรรดาคู่แข่งกวาดยอดขายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงชั่วครู่ และบรรดาแบรนด์เหล่านี้ยังไม่สามารถเจาะเข้าถึงลูกค้า ที่เป็นแฟนตัวจริงของโตโยต้าได้

เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์ของบางสำนักที่เชื่อว่าตรงนี้ เป็นเรื่องที่ยังไม่น่าเป็นห่วงมากสำหรับโตโยต้าจนกว่าจะได้บท สรุป ถึงตอนนั้น จะบอกได้ว่าโตโยต้าเจอปัญหาในเรื่องยอดขายอย่างแท้จริงหรือ ไม่

‘ตอนนี้ลูกค้าที่มีความ เชื่อมั่นในโตโยต้าตัวจริงทำได้แค่รอดูและชะลอการตัดสินใจซื้อรถ ยนต์ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขายังจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นจนกว่าเรื่องตรง นี้จะจบลง และถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แน่นอนว่า พวกเขาคงกลับไปซื้อรถยนต์ของโตโยต้า’ คริส ฮอปสัน นักวิเคราะห์ของ IHS Global Insight กล่าว

ASTVผู้จัดการออนไลน์

GM recall



จีเอ็มย้ำเรียกคืนรถอเมริกาไม่เกี่ยวไทย
จีเอ็ม ไม่ยอมตกกระแส หลังเรียกคืนรถ 2 ยี่ห้อ คือ เชฟโรเลต และพอนติแอค รวม 4 โมเดล จำนวนว่า 1.3 ล้านคันที่ขายในทวีปอเมริกาเหนือ โดยบอสใหญ่อาเซียนและไทย ย้ำปัญหาดังกล่าวไม่มีผลกระทบกับรถที่ทำตลาดในภูมิภาคนี้




สตีฟ คาร์ไลส์

หลังบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอมพานี มีมาตรการเรียกคืนรถที่ขาย ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งรถยนต์รุ่นดังกล่าวประกอบด้วย เชฟโรเลต โคบอลท์ พอนติแอค รุ่น จี5 ,จี4 และ เพอร์ซูท จำนวนกว่า 1.3 ล้านคัน เพราะพบปัญหาในส่วนของมอเตอร์ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ (ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตจากข้อบกพร่องที่พบ)

ล่าสุดบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด โดย สตีฟ คาร์ไลส์ ประธานกรรมการ ออกแถลงการณ์ว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและอาเซียน รวมถึงประเทศไทย จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากการเรียกคืนดังกล่าว เนื่องจากไม่มีการผลิต และจำหน่ายรถยนต์ในรุ่นและไม่มีการใช้ชิ้นส่วน ที่มีปัญหาดังกล่าวด้วย

“ถึงแม้ว่าตลาดของเราในอาเซียนจะไม่รับผลกระทบใดๆ แต่จีเอ็ม ประเทศไทยและอาเซียน ยังคงยึดมั่น
ต่อความรับผิดชอบในเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และเราจะทำทุกสิ่งที่เราทำได้เพื่อรักษามาตรฐานยานยนต์ของเราไว้ สูงสุด”

นายคาร์ไลส์ กล่าวว่า มาตรการ เรียกคืนรถที่เป็นไปโดยสมัครใจของจีเอ็มเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็น ถึงความรับผิดชอบอย่างยิ่งยวดที่เรามีต่อลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการติดตามและแก้ไขปัญหาในเรื่องคุณภาพรถปัญหา ที่เกิดขึ้นไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ผู้ขับขี่อาจเพียงแต่จะต้องออกแรงหมุนพวงมาลัยเพิ่ม ณ ความเร็วต่ำ แต่ว่าโดยรวมแล้วก็ยังสามารถควบคุมรถได้อย่างปลอดภัย



โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

NISSAN March [ECO CAR] ในยุคน้ำมันแพง



เดือนมีนาคมร้อนระอุ ค่ายรถเปิดศึกโชว์ตัวรถใหม่หวังแย่งยอดจองอีโคคาร์ “นิสสันมาร์ช” ที่เปิดตัว 13-14 มี.ค. ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ตามด้วยมาสด้า 4 ประตู 15 มี.ค.ที่พารากอน ก่อนพาสื่อมวลชนไปทดสอบที่ภูเก็ต 18-19 มี.ค. ส่วนฟอร์ด เฟียสต้าขอเกาะกระแสเปิดตัว 16 มี.ค. แต่รับรถเดือนส.ค.

แหล่งข่าวจากวงการรถยนต์ เปิดเผยว่า ช่วงกลางเดือนมีนาคม 2553 จะเป็นสมรภูมิการแข่งขันครั้งสำคัญของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ทุกบริษัทเตรียมเปิดตัวรถยนต์นั่งขนาดซับคอมแพ็กต์รุ่นใหม่เพื่อชิง ยอดขายกับ “นิสสัน มาร์ช” อีโคคาร์ คันแรกของประเทศไทย ซึ่งมีกำหนดการเปิดตัวกับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 12 มีนาคม โดยจะมีพิธีปล่อยตัวรถคันแรกจากสายการผลิตที่โรงงาน นิสสัน มอเตอร์ ถนนบางนา-ตราด กม. ที่ 21 พร้อมให้สื่อมวลชนขับทดสอบบริเวณ รอบโรงงาน ต่อจากนั้นจะมีงานเปิดตัวกับสาธารณชนในวันที่ 13-14 มีนาคม ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์

ส่วนโตโยต้า เตรียมเปิดตัว โตโยต้า วีออส ไมเนอร์เชนจ์ ในวันที่ 8 มีนาคม โดยปรับรูปโฉมในทันสมัยขึ้น โฉบเฉียวมากขึ้น ปรับกระจังหน้าใหม่ให้ดูดุดันมากขึ้น ส่วนค่ายมาสด้าที่กำลังสนุกสนาน กับยอดจองมาสด้า 2 รุ่น 5 ประตู ก็เริ่มรุกหนักโดยจะเปิดตัวรถยนต์ นั่ง มาสด้า 2 รุ่น 4 ประตู ซีดานในวันที่ 15 มีนาคม ที่ศูนย์การค้า สยามพารากอน และเชิญสื่อมวลชนไปทดสอบ เส้นทางภูเก็ต -กระบี่ ในวันที่ 18-19 มีนาคม ซึ่งคาดว่า มาสด้า 2 ซีดาน จะมีราคาที่ถูกลงกว่ารุ่น 5 ประตู ทำให้เป็นคู่แข่งที่สำคัญของโตโยต้า วีออส และฮอนด้า ซิตี้ รถยนต์นั่งยอดนิยมของคนไทย ซึ่งหากมาสด้า เจาะตลาดเก๋งเล็ก 4 ประตูได้เป็นผลสำเร็จ จะทำยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในขณะนี้
ขณะที่ค่ายรถฝาแฝดอย่างฟอร์ด ต้องเร่งทำตลาดเพื่อดึงกำลังการ ซื้อล่วงหน้า ด้วยการเปิดตัว เฟียสต้า รถยนต์นั่งในกลุ่มบี-เซ็ตเมนต์ ที่เป็นพี่น้องร่วมโรงงานกับมาสด้า 2 ในวันที่ 16 มีนาคมที่โรงแรมย่านถนนสุขุมวิท โดยพร้อมรับจองรถ แต่จะส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ในเดือนสิงหาคม 2553 เท่ากับดึงยอดขายล่วงหน้านานถึง 5 เดือน

จากการสำรวจของ “ฐานเศรษฐกิจ” พบว่า นิสสันได้เริ่มสร้างกระแสความนิยม นิสสัน มาร์ช มาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยเริ่มโฆษณาให้ความรู้ในเรื่องของรถยนต์ ในโครงการอีโคคาร์ของนิสสัน และได้ดาราขวัญใจมหาชน อย่าง “เคน -ธีรเดช” จากภาพยนตร์ 200 ล้านบาทเรื่อง
“รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” มาเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อสะท้อนถึงความโดดเด่นของนิสสัน มาร์ช ที่มีห้องโดยสารที่กว้างขวาง คนตัวสูงก็นั่งได้อย่างสบาย โดยนิสสัน มาร์ช รุ่นเกียร์ธรรมดา สามารถส่งมอบได้ในเดือนเมษายน ส่วนรุ่นเกียร์CVT จะส่งมอบให้ลูกค้าในเดือนมิถุนายน 2553


ส่วน ฟอร์ด เฟียสต้า เดิมมีกำหนดการเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2553 แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ เนื่องจากเกรงว่าการเปิดตัวของ นิสสัน มาร์ช อาจทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเปลี่ยนใจไปซื้อรถประหยัดพลังงาน แทน จึงเร่งกำหนดการเปิดตัวให้เร็วขึ้น แต่ไม่สามารถเร่งโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์(ประเทศไทย) ให้ผลิตรถเร็วกว่านี้ได้ จึงต้องขอให้ลูกค้ารอการส่ง
มอบรถในอีก 5 เดือนต่อไป นับเป็นครั้งแรกในวงการรถยนต์ที่ลูกค้าจองรถ แล้วต้องรอนานขนาดนี้ โดยฟอร์ดยืนยันว่า เฟียสต้า จะมีความโดดเด่นสมกับการรอคอย โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และรุ่นแฮตช์แบ็ก 5 ประตู ซึ่งทั้ง 2 แบบจะมากับทางเลือกของเครื่องยนต์ เบนซินขนาด 1.4 ลิตรและ 1.6 ลิตร และเกียร์แบบพาวเวอร์ชิฟต์ 6 สปีด(ดูอัลคลัตช์) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความทนทานมาก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ