Subscribe

RSS Feed (xml)

Powered By

Skin Design:
Free Blogger Skins

Powered by Blogger

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ซื้อรถมือสองมาแล้ว…อย่าเพิ่งขับอ่านเรื่องนี้ก่อน (ตอนที่ 1)

แน่นอนกว่าที่คุณจะเก็บหอมรอมริบได้เงินครบจะไปดาวน์รึซื้อสดรถคันโปรดที่คุณเฝ้ารอคอยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นข้อแนะนำในการบริหารเงินที่จะใช้ซื้อรถมือสอง คือคุณต้องพยายามต่อรองราคาให้ลดลงมาให้มากที่สุด เพื่อจะได้เก็บเงินส่วนต่างนี้ไปใช้ในการตรวจเช็คสภาพอย่างละเอียดถึ่ถ้วนเรียกว่าลงทุนครั้งเดียวใช้ได้อีกนานกว่าจะซ่อม หากไม่ทำอย่างนั้นก็ได้ เพราะเป็นสิทธิของท่าน แต่บอกก่อนนะครับว่า รถเก่ามันเหมือนคนแก่นั่นแหละหากดูแลไม่ดี ก็จะมีอาการจุกจิกตามมาเสียเวลาเสียเงินแบบยุบยับ ดังนั้นไหนๆ ก็ต้องจ่ายซื้อรถอยู่แล้วก็เพิ่มเติมอีกนิดหน่อยเพื่อตรวจเช็คสภาพปรับเปลี่ยนรีเซ็ทกันใหม่ให้มีความพร้อมก่อนขับจะได้สบายใจไม่ต้องลุ้น ดังนั้นเมื่อซื้อมาแล้วแนะนำว่าอย่าเพิ่งขับ ใจเย็นๆ ได้ขับแน่นอน แต่เมื่อไม่ขับแล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปละ สำหรับเจ้าของรถมือใหม่(แต่)รถไม่ใหม่นั้น ควรต้องทำสิ่งต่างๆ ก่อนที่จะนำไปใช้งานดังต่อไปนี้ครับ อันดับแรกคือ
1.ต้องทำความรู้จัก กับรถที่คุณซื้อมาก่อนว่า รุ่นอะไร ปีไหน
เชื่อเหลือเกินว่าต้องมีบ่อยครั้งที่ท่านไปซื้ออะไหล่รถเอง ถ้าไม่รู้ชื่อยี่ห้อและรุ่นต้องเกิดปัญหาแน่นอน คือไม่เจอ หรืออาจจะผิดรุ่นใช้ไม่ได้ อย่างเช่น รถชื่อรุ่นเดียวกันแต่อาจใช้เครื่องยนต์ต่างกันก็มีไม่น้อย เรื่องอย่างนี้ถือเป็นเรื่องหญ้าปากคอกที่ทำให้เจ้าของรถที่เรียกตัวเองว่าเซียนเหงื่อแตกมาหลายคนแล้ว เวลาไปซื้ออะไหล่รถที่ตัวเองขับอยู่ทุกวัน ผมเจอมาแล้ววิ่งไปมาระหว่างอู่กับร้านอยู่หลายตลบ ทางที่ดีเอาแบบช่างลูกทุ่งชัวร์ๆ เลย(ถ้าชิ้นไม่ใหญ่เกินไป) เอาไปเป็นตัวอย่างด้วยจะได้ชัดเจนแน่นอน
ประการต่อมาขนาดเครื่องยนต์ จำนวนซีซี จำนวนวาวล์เท่าไร ชื่อบล็อกของเครื่องยนต์ เช่นยี่ห้อมิตซูบิชิ-แลนเซอร์ บล็อก 4G63 ตัวเลขเพียงไม่กี่ตัวกลับบอกความแตกต่างของรุ่นได้มากมาย ถ้าไม่รู้เปิดฝากระโปรงรถดูส่วนใหญ่จะมีเขียนรายละเอียดเอาไว้ บางคนอาจเถียงว่าดูจากคู่มือรถก็รู้ แต่ในความเป็นจริงก็ทราบกันดีว่าคู่มือการใช้รถนั้นน้อยนักที่จะตกมาถึงมือของเจ้าของรถมือสองมือสามอย่างเราๆ ถึงมีก็อาจจะมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้วก็เป็นได้ จุดวัดระดับน้ำมัน-น้ำยาต่างๆ คุณต้องรู้ว่าอันไหนเป็นจุดวัดระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ น้ำมันเบรก น้ำยาแอร์ หม้อน้ำรถ หม้อพักน้ำ น้ำฉีดกระจก น้ำกลั่นแบตเตอรี่ ฯลฯ อย่างน้อยเราต้องรู้ว่าจะวัดระดับตรงไหนอย่างไร บางคนซื้อรถมือสองมาใหม่คุยเรื่องระบบต่างๆของรถราวกับท่องมาซะยืดยาว แต่เปิดฝากระโปรงรถดู กลับไม่รู้ว่าดูระดับน้ำมันเครื่องตรงไหนกันแน่อันนี้อาการหนักจริงๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ ดูระดับน้ำมันเครื่องตรงไหน Max – Min เติมน้ำหม้อน้ำตรงไหน ควรเติมในหม้อพักและไม่ให้มากไปนักที่สำคัญควรเปิดน้ำที่หม้อน้ำดูด้วยว่าเต็มหรือไม่ที่สำคัญต้องไม่ทำตอนเครื่องร้อนอันตราย ทั้งจากพัดลมและความร้อนของหม้อน้ำ ดูระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ต้องเปิดดูทุกช่องเติมไม่ต้องล้นเพียงแต่เติมให้พอดีกับพลาสติคที่เป็นลิ้นลงไปในช่องก็เพียงพอแล้ว ห้ามเติมจนล้นมิฉะนั้น แบตเตอร์รี่อาจเจ๊งก่อนวัยอันควร ดูระดับน้ำฉีดกระจก ถ้าแห้งจะทำให้ปั้มฉีดน้ำเสียหายได้ อันนี้บอกให้ลูกๆมาช่วยเติมได้ ไม่มี ลิมิตอย่างมาก็แค่ล้นไม่อันตราย จากนั้นดูระดับน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ บางรุ่นไม่ต้องเปิดฝาก็รู้สามารถดูได้จากข้างกระปุกมีขีดบอกระดับ มีคำเตือนเล็กน้อยอยู่บริเวณฝาอ่านบ้างก็ดีว่าเขามีคำแนะนำว่าอย่างไรจะได้เป็นความรู้ ดูระดับน้ำมันเบรก บางครั้งไม่ต้องถึงกับเปิดฝามาดูเพราะมีขีดบอกสามารถมองเห็นจากภายนอกเช่นกัน ถัดมาดูระดับน้ำยาแอร์ ดูจากกระปุกพักน้ำยาแอร์สังเกตกระปุกที่มีท่ออะลูมีเนียมรึทองแดงต่อเข้านั้นแหละมีเลนซ์ สังเกต ถ้าน้ำยาแอร์เต็มเราจะไม่เห็นว่ามีอะไรในเลนซ์นั้นเลยแต่ถ้าเมื่อไหร่เห็นในเลนซ์นั้นมีน้ำวิ่งๆเมื่อไหร่ อย่าคิดว่าน้ำยาแอร์เต็มนะครับนั้นคือน้ำยาแอร์หมดแล้วละครับ ไปร้านแอร์ให้ตรวจเช็คเลยโดยด่วน ก่อนที่จะลามไปถึงคอมเพรสเซอร์ (หลายกะตังส์) และที่สำคัญท่านจะได้ไม่ร้อนเวลาขับรถครับ
2.เปลี่ยนซะให้เรียบ
อันดับแรกคือน้ำมันเครื่องและใส้กรองน้ำมันเครื่อง บ่อยครั้ง(เกือบทุกครั้ง)รถจากเต็นท์นั้นเค้าไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องมาให้ บางครั้งพึ่งเปลี่ยนมาถือว่าเป็นโชคดีไป แต่ ถ้าให้ดีถ้าเราดึงสายวัดออกมาแล้วน้ำมันเครื่องเหนียวๆ ไม่หยดติ๋งๆ เปลี่ยนไปเถอะครับเพื่อความสบายใจ ถ้าเปลี่ยนแล้วขับรถกลับบ้านมาดึงเข็มวัดออกมาเห็นน้ำมันเครื่องทำไมขุ่นซะแล้วให้คุณดีใจไว้เลยว่าน้ำมันเครื่องนั้นดีเพราะสามารถดึงเขม่าที่จับกับ ชิ้นส่วนในเครื่องออกมาได้เป็นอย่างดี รวมถึงเปลี่ยนใส้กรองน้ำมันเครื่องด้วยไม่แนะนำไปใช้ใส้กรองจากปั้มเพราะ สมัยนี้ใส้กรองของเทียมมีเยอะอายุการใช้งานสั้นกว่า (ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้) ใครรักรถมาก (กว่าเมีย)แนะให้ใช้ของแท้แต่ผมชอบใช้ของเทียมเพราะมีคุณภาพพอๆกันและอาจดีกว่าด้วยซ้ำไป ว่างๆผ่านไปแถววรจักรก็ไปซื้อซะ ถือว่าเป็นการหัดทำความรู้จักกับร้านอะไหล่ไว้ ดูด้วยว่าต้องแถมแหวนยางโอริงมาด้วยแต่อย่าไปคิดว่าเอามาใช้กับกรองน้ำมันเครื่องล่ะ โอริงนี้ไว้ใช้กับน็อตที่เป็นก๊อกปิด-เปิดอ่างน้ำมันเครื่องของเราต่างหาก เวลาให้ช่างใส่ดูกับเค้าด้วย ก่อนใส่แนะว่าให้เอาน้ำมันเครื่องเรานี่แหละทาขอบยางของกระปุกกรองด้วยกันยางเบี้ยวออกมาเวลาขันเข้า ต่อมาใส้กรองอากาศ หากสภาพยังดีไม่มีรอยขาดยุ่ย ก็ถือว่ายังใช้งานได้ แต่ต้องใช้ลมเป่าทำความสะอาดซักหน่อย เพื่อจะได้ไม่มีฝุ่นผงอุดตัน ส่งผลให้เครื่องยนต์กลไกทำงานได้สมบูรณ์ขึ้น หากจะเป่าเองตามปั๊ม แนะให้ใช้บริการที่ปั้มเจ็ทที่มีที่เป่าอากาศตรงที่เราเติมลม มีหลายคนขับรถมาจนแก่เป่าอากาศยังไม่เป็น การเป่ากรองอากาศต้องเป่าจากในออกนอก ห้ามเป่าจากข้างนอกเข้าในเด็ดขาด ถึงแม้เป่าแล้วฝุ่นกระจายดีแต่นั้นคือการทำให้กรองอากาศของเราตันไปเลย แต่ถ้าเก่าแล้วเปลี่ยนไปเลยไม่ได้แพงอะไรนัก สำหรับมือใหม่ระวังจะถอดไม่เป็นให้สังเกตสลักยึดให้ดี ดึงออกให้ครบไม่ต้องออกแรงมากนักพอประมาณเดี๋ยวพวกสายอากาศจะหลุดแล้วใส่กลับไม่ถูกจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
หากรถคุณเป้นเครื่องยนต์เบนซิน ขอแนะนำว่าต้องเปลี่ยนใส้กรองเบนซิน ราคาไม่กี่ตังค์ เพื่อผลทางด้านกำลังรถ จะได้ไม่ต้องบ่นว่ารถเร่งไม่ขึ้น กระตุกเป็นช่วงๆ แต่อันนี้แนะนำไปให้ช่างเปลี่ยนให้ อย่าลืมถามความรู้เล็กๆน้อยๆจากช่างด้วย(แบบเนียนๆชวนคุยไปเรื่อยๆ) ยังมีอีกหลายจุด ที่แนะนำมายังอยู่แค่ช่วงบน ยังไม่ถึงช่วงล่าง ในตอนหน้าจะมาว่าต่อเรื่องช่วงล่าง เครื่องยนต์ และไฟฟ้ารถยนต์ ตอนนี้ขอพักก่อนครับแล้วเจอกัน....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น