Subscribe

RSS Feed (xml)

Powered By

Skin Design:
Free Blogger Skins

Powered by Blogger

วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553

ล้อสั่น ? และวิธีการแก้ไข

ปัญหาที่มักพบกัน ที่ท่านผู้ขับรถ มักไม่ชอบ ก็คือเวลาวิ่ง แล้วเกิดอาการ ล้อสั่น ซึ่งทำให้เกิดความรำคาญและเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งเราจะได้กล่าวถึงสาเหตุคร่าวๆ ดังต่อไปนี้

1. ช่วงล่าง ชุดขับเคลื่อน เกิดการชำรุด หลวม สั่นคลอน เวลาวิ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้เกิด การสั่นของล้อได้เหมือนกัน
2. ล้อแม็ก เกิดการดุ้ง บิดเบี้ยวเสียรูปทรง
3. ยาง เกิดหมดสภาพ โครงสร้าง ผิดรูป ไม่สมดุลย์

แต่ก็มีอีกสาเหตุหนึ่ง ที่คนส่วนใหญ่ มองข้ามไป ก็คือ โดยปกติของการผลิตล้อออกมาจำหน่ายนั้น เขาจะทำค่าของรูตรงกลางล้อ ( Hub Bore ) เป็นค่าออกกลางๆ เช่น 67 มม. หรือ 73 มม. เสียส่วนใหญ่ ยกเว้นล้อที่ผลิตออกมาโดยเฉพาะกับรถนั้นๆ ก็จะมีค่าดุมล้อกับล้อแม็กพอดีกัน แต่หากมีการซื้อหรือเลือกใช้ล้ออื่น โอกาสของความพอดีของดุมก็อาจผิดไป

จึงทำให้เกิดช่องว่างระหว่าง ดุมล้อ กับ ล้อแม็ก ซึ่งมีผลทำให้การร่วมศูนย์ของดุม กับ ล้อแม็กซ์ ลดลง ก็เป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดอาการ ล้อสั่น และทำให้เรารู้สึกได้ในขณะขับ

สำหรับปัญหานี้ เราได้จัดหาอุปกรณ์เสริม เพื่อลดช่องว่างและทำให้เกิดความกระชับ มีความร่วมศูนย์มากขึ้น ซึ่งอุปกรณ์เสริม นี้เราเรียกว่า Hub Ring หรือ วงแหวนเสริมช่องว่างในรูกดุม นั้นเอง

Hub Ring คืออะไร ?

HubRing หรือ เรียกแบบภาษาชาวบ้าน ว่า ปลอกกันสั่น อุปกรณ์ตัวนี้ มีลักษณะเป็น วงแหวน ที่ใช้สำหรับสวมใส่ตรง รูกลางของล้อ ( Center Bore ) เพื่อประคอง และ ทำให้ ล้อแม็ก กับ ดุมล้อ เป็นศูนย์ ( Center ) เดียวกันมากที่สุด ดังนั้น จึงทำให้ การสั่นของล้อลดลง ในขณะวิ่ง

เมื่อไร ถึงต้องใส่ ?

1. ) แนะนำกับ ล้อแม็กใหม่ ที่เปลี่ยนแทน ล้อแม็ก ติดรถเดิม ( OEM ) เนื่องจากส่วนใหญ่ ขนาดรู Hub Bore ของ ล้อแม็ก มักผลิตมาใหญ่กว่าเดิม เช่น เส้นผ่าศูนย์กลาง 67 มม. หรือ 73 มม. เป็นต้น

2.) เมื่อมีความรู้สึก หรือ สงสัยว่า ทำไม ? เมื่อเปลี่ยนล้อใหม่ มาแล้ว ทำการ ตั้งศูนย์ , ถ่วงล้อ แล้ว ยังคงมีรู้สึกว่าพวงมาลัยสั่น ซึ่งมักเกิดขึ้นได้ ที่ช่วงความเร็ว 70 - 100 หรือ 110 - 140 กม. / ชม. เป็นต้น

วิธีการใส่หรือประกอบ HUB RING ได้ด้วยตนเอง จะทำอย่างไร ? ( D.I.Y )

ประการที่หนึ่ง ต้องทราบว่ารถของเรามีค่า เส้นผ่าศูนย์กลาง ( Hub Bore ) อยู่ที่เท่าไร ? ดูได้จากคู่มือประจำรถ หรือวัดจากของจริง แต่หากไม่ทราบ

สมมุติ ค่าที่วัดได้ของดุมนี้

เท่ากับ 57.1 มม. ( I.D. )


ประการที่สอง เมื่อเราทราบค่าที่รถของเราแล้ว เราจะต้องหาขนาดรูตรงกลางดุมของ ล้อแม็ก ของเราด้วย ซึ่งเราจะทราบได้ด้วยวิธีการวัด ดังรายละเอียดและวิธีการ ด้านล่างนี้..


ถอด ล้อแม็ก ออกมาจากรถ หงาย ล้อแม็ก แล้วใช้ไม้บรรทัดเล็กๆ วัดตามรูป


อ่านค่าที่วัดได้

ซึ่งส่วนใหญ่ ผู้ผลิตล้อแม็ก มักจะทำรูตรงกลาง ( Hub Bore ) นี้ไว้ที่ Ø 67 มม. หรือ Ø 73 มม.

สมมุติ วัดได้ Ø 67 มม. ( O.D. )



หลังจากทราบค่าแล้ว ก็สั่งของ ตามขนาดที่เราทราบ ก็คือ...

O.D. = 67 มม.
I.D. = 57.1 มม.

หลังจากได้รับของ ก็นำ Hub Ring มาใส่ที่ ล้อแม็ก ของเรา

นำล้อที่ประกอบ Hub Ring เสร็จแล้ว ไปใส่กลับที่รถของเรา

* หมายเหตุ * แต่หากขนาดนอกเหนือจาก ค่าที่ Ø 67 มม.หรือ Ø 73 มม. เราก็สามารถทำได้ดังนี้...

1. คว้านรูที่ ล้อแม็ก โดยกำหนดให้มีค่าเท่ากับ Ø 67.1 มม. หรือ Ø 73.1 มม ตามแต่ยี่ห้อของ ล้อแม็ก
2. แต่สำหรับรถ ที่มีรูดุมกลางใหญ่กว่า
เราจะต้องสั่งทำ Hub Ring ชนิดพิเศษ เช่น พวกรถ BMW หรือ Pick up เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น