Subscribe

RSS Feed (xml)

Powered By

Skin Design:
Free Blogger Skins

Powered by Blogger

วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553

"ยาง"เสียงดังย่อมต้องมีสาเหตุ


ผู้ขับขี่รถยนต์หลายท่านที่มักจะเกิด ความไม่มั่นใจในการทรงตัวของรถยนต์ขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงดังขณะที่เลี้ยวรถ เพราะคิดว่าเสียงดังเอี๊ยดที่ได้ยินนั้นเกิดจากการลื่นไถลของยางเป็นสำคัญ เสียงที่เกิดขึ้นและความเชื่อดังกล่าวนี้เอง ทำให้ผู้ผลิตยางพยายามอย่างยิ่งที่จะหาทางลดการเกิดเสียงให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้

ก่อนอื่นต้องทราบกันก่อนว่าเสียงที่ดังขึ้นมานั้นเกิดจากอะไร และส่งผลอะไรบ้าง เพราะตามสภาพการใช้งานที่เกิดขึ้น
ยางมีหน้าที่รับการ ถ่ายทอดกำลังงานจากเครื่องยนต์ลงสู่พื้นดิน และต้องรับน้ำหนักที่เกิดขึ้นทั้งหมดบนตัวรถ การหมุนไปบนพื้นถนนของยางก็คือ
การเสียดสีกันระหว่างยางและพื้นถนนนั่น เอง

หากการหมุนของยางเป็นไปในทิศทางตรงๆ เสียงที่ดังก็จะเกิดขึ้นจากการขยับตัวของเนื้อยาง ซึ่งจะดังมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการออกแบบร่องดอกยางเป็นสำคัญ ยางที่ได้รับการออกแบบร่องดอกตามแนวเส้นรอบวงและมีร่องดอกเล็กละเอียดจะมี เสียงเกิดขึ้นน้อย หรือหากเกิดเสียงขึ้นมาก็จะเป็นเสียงในโทนเสียงสูง ซึ่งยากต่อการได้ยิน

ในขณะที่ยางมีร่องดอกกว้างหรือมีร่องดอกแนวขวางกับหน้ายางมากๆ จะทำให้เกิดเสียงในโทนเสียงต่ำซึ่งสามารถได้ยินชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้เสียงดังกล่าวยังสัมพันธ์กันกับความแข็งหรืออ่อนของโครงสร้างแก้มยาง ด้วยเสียงประเภทนี้มักจะสร้างเพียงแค่ความรำคาญ หรือสร้างความไม่สบายในการขับรถ เพราะเสียงยางรบกวนสมาธิหรือไปดังกลบเสียงเพลงจากเครื่องเสียงประจำรถเป็น ส่วนใหญ่

เสียงที่เกิดขึ้นขณะเลี้ยวนั้นจะเกิดขึ้น เพราะการเสียดสีในลักษณะการวางขวางของการหมุนรอบตัวเอง ของยาง ทำให้หน้ายางเกิดการบดกับพื้นถนนอย่างรุนแรงเสียงประเภทนี้จะดังมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับรถ , น้ำหนักที่บรรทุก, ส่วนผสมของเนื้อยางและทิศทางการขวางกับการหมุนของยาง ซึ่งหากเป็นเสียงที่เกิดขึ้นจากการเลี้ยวรถ อย่างรุงแรงที่มีความสูงจนแก้มยางถูกกดลงไปบดกับพื้นถนนทำให้เกิดเสียงขึ้น มาหลายครั้ง สามารถเห็นรอยการเสียดสีกับแก้มยางกับพื้นถนนได้อย่างชัดเจน
เสียง ที่เกิดจากสาเหตุประการหลังๆ นี้ ผู้ขับขี่ต้องระมัดระวังการขับขี่ต้องลดลงความเร็วในขณะเลี้ยวโค้งลง มิฉะนั้นอาจจะส่งผลกระทบไปถึงการทรงตัวของรถได้ครับ

ถ้าเป็นยางที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว อาการเสียงดังเกิดได้ดังนี้

1.เกิดจากห้นาสัมผัสยางเกิดอาการสึก ของดอกยางไม่สม่ำเสมอ หรือเรียกง่ายๆว่ากินยาง

2.เกิดจากยางหมดสภาพเนื้อยางแข็งกระด้าง

3.เกิดจากยางมีร่องดอกกว้างหรือมี ร่องดอกแนวขวางกับหน้ายางมากๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น